หลังจากที่คัมภีร์อัฏฐสาลินีได้อธิบายภาพรวมของจิตทั้งหมด โดยจำแนกตามภูมิ (กามาวจร, รูปาวจร, อรูปาวจร, โลกุตตร) ไปแล้ว ในส่วนสุดท้ายของจิตตุปปาทกัณฑ์นี้ พระอรรถกถาจารย์ (ผู้รจนาคัมภีร์อัฏฐสาลินี) ได้นำผู้อ่านกลับมาสู่วิธีการดั้งเดิมของพระธัมมสังคณีปกรณ์ ซึ่งเป็นคัมภีร์แม่บท

หัวใจของหัวข้อนี้คือ การแสดงวิธีวิเคราะห์องค์ประกอบของจิตดวงหนึ่งๆ อย่างละเอียดที่สุด โดยใช้กรอบการวิเคราะห์ที่เรียกว่า "มาติกา"

มาติกา คืออะไร?

มาติกา แปลว่า แม่บท หรือ หัวข้อธรรม เป็นรายการที่พระพุทธองค์ทรงยกขึ้นแสดงไว้เป็นโครงหลักสำหรับการวิเคราะห์สภาวธรรมทั้งปวงในพระอภิธรรม มาติกาในพระธัมมสังคณีแบ่งเป็น ๒ ส่วนหลัก คือ:

  • ติกมาติกา: แม่บทที่จัดเป็นหมวด ๓ มีทั้งหมด ๒๒ หมวด (ติกะ)
    • ตัวอย่างที่สำคัญที่สุดคือ ติกะที่ ๑:
      • กุสลา ธมฺมา (ธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศล)
      • อกุสลา ธมฺมา (ธรรมทั้งหลายที่เป็นอกุศล)
      • อพฺยากตา ธมฺมา (ธรรมทั้งหลายที่ไม่ใช่ทั้งกุศลและอกุศล คือเป็นกลางๆ)
  • ทุกมาติกา: แม่บทที่จัดเป็นหมวด ๒ มีทั้งหมด ๑๐๐ หมวด (ทุกะ) ตามนัยพระอภิธรรม
    • ตัวอย่างเช่น ทุกะที่ ๑ (เหตุทุกะ):
      • เหตุ ธมฺมา (ธรรมที่เป็นเหตุ)
      • นเหตุ ธมฺมา (ธรรมที่ไม่เป็นเหตุ)
ภาพจิตมนุษย์

วิธีการจำแนกธรรมตามมาติกา ในส่วนนี้ คัมภีร์อัฏฐสาลินีจะยึดเอาจิตดวงแรกสุดที่ปรากฏในพระธัมมสังคณีเป็น "ตัวอย่าง" ในการวิเคราะห์ จิตดวงนั้นคือ ปฐมกามาวจรกุศลจิต (จิตที่เป็นกุศลในกามภูมิ ดวงที่ ๑)

สิ่งที่ต้องเข้าใจคือ ในขณะจิตหนึ่งๆ ไม่ได้มีเพียง "จิต" เกิดขึ้นลอยๆ แต่จะเกิดพร้อมกับ เจตสิก หรือสภาวะที่ประกอบกับจิตอีกหลายสิบอย่าง เช่น ผัสสะ (ความกระทบ), เวทนา (ความรู้สึก), สัญญา (ความจำ), เจตนา (ความจงใจ), ศรัทธา, สติ เป็นต้น

วิธีการจำแนกคือ การนำ "องค์ประกอบทั้งหมด" ของจิตดวงนั้น (ทั้งตัวจิตเองและเจตสิกที่เกิดร่วม) มาพิจารณาเทียบกับหัวข้อในมาติกาแต่ละข้อ ว่าจะจัดเข้าพวกไหนได้บ้าง

ตัวอย่างการวิเคราะห์ "ปฐมกามาวจรกุศลจิต"

๑. วิเคราะห์ด้วย ติกมาติกา (หมวด ๓)

  • เมื่อนำองค์ประกอบของจิตดวงนี้ (จิต + เจตสิกทั้งหมด) มาเทียบกับ กุสลติกะ (ติกะที่ ๑) จะได้คำตอบว่า:
    • ธรรมทั้งหมดนี้จัดเป็น กุสลา ธมฺมา เพราะเป็นสภาวะฝ่ายดีงามโดยสิ้นเชิง
    • จึงไม่สามารถจัดเป็น อกุสลา ธมฺมา หรือ อพฺยากตา ธมฺมา ได้เลย

๒. วิเคราะห์ด้วย ทุกมาติกา (หมวด ๒)

  • เมื่อนำองค์ประกอบของจิตดวงนี้ มาเทียบกับ เหตุทุกะ (ทุกะที่ ๑) จะได้คำตอบว่า:
    • เหตุ ธมฺมา (ธรรมที่เป็นเหตุ): ในบรรดาเจตสิกที่เกิดร่วม มีเจตสิกบางตัวที่เป็น "เหตุ" คือ อโลภะ (ความไม่โลภ) และ อโทสะ (ความไม่โกรธ) เจตสิก ๒ ตัวนี้จึงถูกจัดเข้าหมวดนี้
    • นเหตุ ธมฺมา (ธรรมที่ไม่เป็นเหตุ): ส่วนตัวจิตเอง และเจตสิกอื่นๆ ที่เหลือทั้งหมด (เช่น ผัสสะ, เวทนา, สัญญา) ไม่ได้มีสภาวะเป็น "เหตุ" โดยตรง จึงถูกจัดเข้าหมวดนี้

อัฏฐสาลินีจะแสดงวิธีการวิเคราะห์เช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนครบทั้ง ติกมาติกา ๒๒ หมวด และ ทุกมาติกา ๑๐๐ หมวด

ตัวอย่างการจำแนกจิต

* จำแนก จิตขณะให้ทาน * จำแนก จิตขณะทำปานาติบาต

วัตถุประสงค์และบทสรุป

การจำแนกธรรมตามมาติกาที่เหลือนี้ ไม่ใช่การท่องจำ แต่เป็น การฝึกฝนปัญญาเพื่อการเจริญวิปัสสนา โดยมีวัตถุประสงค์คือ:

  • เพื่อเห็นความจริง: ให้เห็นว่า "ความคิด" หรือ "จิต" หนึ่งขณะ ไม่ใช่ตัวตน (อัตตา) ที่เป็นก้อนทึบ แต่เป็นการประชุมกันของสภาวธรรมเล็กๆ จำนวนมาก (จิตและเจตสิก) ที่เกิดขึ้นและดับไปพร้อมกัน
  • เพื่อความแม่นยำ: ฝึกให้มีปัญญาที่เฉียบคม สามารถแยกแยะลักษณะต่างๆ ของสภาวธรรมที่ปรากฏในปัจจุบันขณะได้อย่างถูกต้อง
  • เพื่อละความยึดมั่น: เมื่อเห็นสภาวะตามจริงว่าเป็นเพียงการประชุมปรุงแต่งของนามธรรมต่างๆ ความยึดมั่นว่า "เราคิด" "จิตของเรา" ก็จะค่อยๆ คลายลง

ดังนั้น หัวข้อสุดท้ายของจิตตุปปาทกัณฑ์นี้ จึงเป็นการสรุปรวบยอดที่เชื่อมโยงการจำแนกจิตในภาพกว้างเข้ากับการวิเคราะห์สภาวธรรมในระดับปรมัตถ์อย่างละเอียดตามแม่บทของพระธัมมสังคณี เพื่อมอบเครื่องมือที่สมบูรณ์ที่สุดในการทำความเข้าใจสภาวะของจิตใจนั่นเอง