กามาวจรจิต คือ จิตที่ยังท่องเที่ยวหรือข้องเกี่ยวอยู่ใน "กามภูมิ" ซึ่งเป็นภพภูมิที่ยังเกี่ยวข้องกับกามคุณ ๕ ได้แก่ รูป, เสียง, กลิ่น, รส, และสัมผัสทางกาย

เมื่อแยกศัพท์จะเข้าใจความหมายได้ชัดเจนขึ้น:

  • กาม: หมายถึง สิ่งที่น่าปรารถนา, น่าใคร่ ในที่นี้คือกามคุณอารมณ์ทั้ง ๕
  • อวจร: หมายถึง ท่องเที่ยว, โคจรไป, ข้องอยู่
  • จิต: หมายถึง สภาพที่รับรู้อารมณ์, ความคิด, ใจ

ดังนั้น กามาวจรจิต จึงหมายถึง จิตที่รับอารมณ์อันเนื่องมาจากกามคุณเป็นหลัก และเป็นจิตของสรรพสัตว์ที่ยังเวียนว่ายอยู่ในกามภูมิ ๑๑ ชั้น (อบายภูมิ ๔, มนุสสภูมิ ๑, และเทวภูมิ ๖)

โดยสรุป กามาวจรจิตก็คือสภาพจิตในชีวิตประจำวันของคนเราและสัตว์ส่วนใหญ่นั่นเอง ทั้งที่เป็นฝ่ายดี (กุศล), ฝ่ายไม่ดี (อกุศล), จิตที่เป็นผลของกรรม (วิบาก) และจิตที่ไม่ใช่ทั้งกุศล อกุศล หรือวิบาก (กิริยา)

เวียนว่ายตายเกิด

สรุปตามคัมภีร์อัฏฐสาลินี

คัมภีร์อัฏฐสาลินี เป็นคัมภีร์อรรถกถา (คัมภีร์ที่อธิบายขยายความ) ของคัมภีร์ธัมมสังคณี ซึ่งเป็นคัมภีร์แรกในพระอภิธรรมปิฎก โดยในส่วนของ จิตตุปปาทกัณฑ์ (หมวดที่ว่าด้วยการเกิดขึ้นของจิต) ได้จำแนกประเภทของจิตไว้อย่างละเอียด พระอรรถกถาจารย์ได้อธิบายกามาวจรจิตไว้ทั้งหมด ๕๔ ดวง โดยแบ่งออกเป็น ๓ กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้

🔆 อกุศลจิต ๑๒ ดวง (จิตฝ่ายบาป/ไม่ดี)

เป็นจิตที่มีโทษ ให้ผลเป็นความทุกข์ มีรากเหง้ามาจากอกุศลมูล ๓ คือ โลภะ, โทสะ, โมหะ

  • โลภมูลจิต ๘ ดวง: จิตที่เกิดพร้อมความอยากได้ มีความยินดีพอใจในอารมณ์
  • โทสมูลจิต ๒ ดวง: จิตที่เกิดพร้อมความโกรธ ความไม่พอใจ มีความขัดเคืองในอารมณ์
  • โมหมูลจิต ๒ ดวง: จิตที่เกิดพร้อมความหลง ไม่รู้ตามความเป็นจริง มีความสงสัยฟุ้งซ่าน

  • 🔆 อเหตุกจิต ๑๘ ดวง (จิตที่ไม่มีเหตุประกอบ)

    เป็นจิตที่เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุ ๖ (โลภะ, โทสะ, โมหะ, อโลภะ, อโทสะ, อโมหะ) ประกอบอยู่ด้วย เป็นจิตที่ทำหน้าที่เพียงรับอารมณ์หรือเป็นผลของกรรมล้วนๆ แบ่งย่อยได้เป็น:

  • อกุศลวิบากจิต ๗ ดวง: จิตที่เป็นผลของอกุศลกรรม เช่น การเห็นรูปที่ไม่ดี (จักขุวิญญาณ), ได้ยินเสียงที่ไม่ดี (โสตวิญญาณ) เป็นต้น
  • กุศลวิบากอเหตุกจิต ๘ ดวง: จิตที่เป็นผลของกุศลกรรม (ฝ่ายกามาวจร) แต่เป็นผลอย่างอ่อนที่ไม่มีเหตุที่ดีงามประกอบ เช่น การเห็นรูปที่ดี, ได้ยินเสียงที่ดี เป็นต้น
  • อเหตุกกิริยาจิต ๓ ดวง: จิตของพระอรหันต์ที่ไม่ใช่บุญและบาป ทำหน้าที่เพียงรับอารมณ์ทางปัญจทวาร (ทวิปัญจวิญญาณ) และจิตที่ทำให้เกิดการยิ้มของพระอรหันต์ (หสิตุปปาทจิต)

  • 🔆 กามาวจรโสภณจิต ๒๔ ดวง (จิตดีงามฝ่ายกามาวจร)

    เป็นจิตฝ่ายดีงาม มีเจตสิกฝ่ายดีงามเกิดร่วมด้วยเสมอ เป็นจิตที่ไม่มีกิเลสอย่างหยาบประกอบ แบ่งเป็น ๓ กลุ่มย่อย:

  • มหากุศลจิต ๘ ดวง: จิตที่เป็นบุญกุศลทั่วไปของปุถุชน เช่น การให้ทาน, รักษาศีล, ฟังธรรม, เจริญเมตตา เป็นต้น เป็นจิตที่ประกอบด้วยเหตุดีงามอย่างน้อย ๒ หรือ ๓ เหตุ (อโลภะ, อโทสะ, อโมหะ)
  • มหาวิบากจิต ๘ ดวง: จิตที่เป็นผลของมหากุศลจิต ๘ ดวง ทำให้เกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดาที่มีพร้อมบริบูรณ์
  • มหากิริยาจิต ๘ ดวง: เป็นจิตของพระอรหันต์เท่านั้น เมื่อท่านกระทำกิจกรรมต่างๆ ที่ไม่ใช่การเข้าสมาบัติ เช่น การแสดงธรรม การต้อนรับปฏิสันถาร เป็นจิตที่ประกอบด้วยเหตุดีงาม แต่ไม่ส่งผลเกิดในภพใหม่อีกต่อไป (เป็นเพียงกิริยา)
  • บทสรุป

    ดังนั้น ตามนัยแห่งคัมภีร์อัฎฐสาลินี จิตตุปปาทกัณฑ์ "กามาวจรจิต" คือจิตทั้ง ๕๔ ดวงนี้ ซึ่งเป็นแผนผังที่ละเอียดลออของสภาพจิตใจที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของผู้ที่ยังข้องอยู่ในกามภูมิ สรุปในตารางได้ดังนี้:

    ประเภทจิต จำนวนดวง คำอธิบาย
    ๑. อกุศลจิต ๑๒ จิตบาป มีโลภะ โทสะ โมหะ เป็นมูล
    ๒. อเหตุกจิต ๑๘ จิตที่ไม่มีเหตุ ๖ ประกอบ เป็นจิตรับอารมณ์หรือผลกรรมล้วนๆ
    ๓. กามาวจรโสภณจิต ๒๔ จิตดีงามฝ่ายกามภูมิ (มหากุศล, มหาวิบาก, มหากิริยา)
    รวมกามาวจรจิตทั้งสิ้น ๕๔