เมื่อรากฐานแห่งศีล (สีลวิสุทธิ) ได้รับการสถาปนาอย่างมั่นคงแล้ว การเดินทางบนหนทางแห่งความบริสุทธิ์ย่อมเข้าสู่สถานีที่สอง นั่นคือ จิตตวิสุทธิ (Cittavisuddhi) หรือ "ความบริสุทธิ์แห่งจิต" หากศีลคือการเตรียมพื้นดินให้ราบเรียบ จิตตวิสุทธิก็เปรียบดังการขุดเสาเข็มและตั้งเสาเอกอันแข็งแกร่ง เพื่อรองรับโครงสร้างแห่งปัญญาต่อไป

จิตตวิสุทธิ คือ สภาวะที่จิตของผู้ปฏิบัติได้บรรลุถึงความสงบ ตั้งมั่น และบริสุทธิ์จากเครื่องเศร้าหมองที่เรียกว่า "นิวรณ์ ๕" ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่คอยขัดขวางความก้าวหน้าในการภาวนา ดังที่อธิบายใน วิภังคสูตร (MN 139) และ สมาธิสูตร (AN 5.28)


เป้าหมาย: การข่มนิวรณ์ ๕

การทำสมาธิ

นิวรณ์ ๕ คือกิเลสอย่างหยาบ ๕ ประการที่คอยรบกวนจิตใจให้ฟุ้งซ่านและขุ่นมัว การเจริญสมาธิ ดังที่กล่าวใน สมาธิสูตร (AN 5.28) ก็เพื่อฝึกฝนจิตให้มีกำลังจนสามารถข่มกิเลสเหล่านี้ไว้ได้ชั่วคราว นิวรณ์ ๕ ประกอบด้วย:

  1. กามฉันทะ: ความพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสที่น่าปรารถนา
  2. พยาบาท: ความคิดปองร้าย ความขุ่นเคือง ไม่พอใจ
  3. ถีนมิทธะ: ความหดหู่ท้อถอยและความง่วงเหงาซึมเซา
  4. อุทธัจจกุกกุจจะ: ความฟุ้งซ่านแห่งจิตและความรำคาญใจในอกุศลที่ทำไปแล้ว
  5. วิจิกิจฉา: ความลังเลสงสัยในคุณของพระรัตนตรัยและข้อปฏิบัติ

เมื่อจิตปราศจากนิวรณ์เหล่านี้ชั่วขณะ จะเข้าสู่สภาวะที่เรียกว่า อุปจารสมาธิ (สมาธิเฉียดๆ) และเมื่อมีกำลังมากขึ้น ก็จะแน่วแน่เป็นหนึ่งเดียวเรียกว่า อัปปนาสมาธิ หรือ "ฌานสมาบัติ" ซึ่งเป็นเป้าหมายของจิตตวิสุทธิ


เครื่องมือฝึกจิต: กรรมฐาน ๔๐

ในคัมภีร์ วิสุทธิมรรค พระพุทธโฆสาจารย์ได้รวบรวม "เครื่องมือ" หรือ "อารมณ์" สำหรับใช้ในการฝึกสมาธิไว้ถึง ๔๐ วิธี เรียกว่า กรรมฐาน ๔๐ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติได้เลือกใช้ตามความเหมาะสมกับจริตหรืออุปนิสัยของตน กรรมฐาน ๔๐ แบ่งเป็น ๗ หมวดใหญ่ ได้แก่:

  • กสิณ ๑๐: การเพ่งอารมณ์ที่เป็นหนึ่งเดียว เช่น ดิน, น้ำ, ไฟ, ลม, สีต่างๆ เพื่อให้จิตจดจ่อแน่วแน่
  • อสุภะ ๑๐: การพิจารณาซากศพในลักษณะต่างๆ ตาม อสุภสูตร (AN 10.60) เพื่อเห็นความไม่งามของร่างกายและคลายกามราคะ
  • อนุสสติ ๑๐: การระลึกถึงคุณธรรมอันประเสริฐ ๑๐ ประการ เช่น ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า (พุทธานุสสติ), พระธรรม (ธัมมานุสสติ), พระสงฆ์ (สังฆานุสสติ) เป็นต้น
  • อัปปมัญญา ๔ (พรหมวิหาร ๔): การแผ่คุณธรรมอันไร้ประมาณ ๔ อย่าง คือ เมตตา, กรุณา, มุทิตา, อุเบกขา
  • อาหาเรปฏิกูลสัญญา ๑: การพิจารณาความปฏิกูลในอาหาร
  • จตุธาตุววัฏฐาน ๑: การพิจารณาเห็นร่างกายเป็นเพียงธาตุ ๔ คือ ดิน, น้ำ, ไฟ, ลม
  • อรูปฌาน ๔: อารมณ์ของอรูปฌาน ซึ่งเป็นสมาธิขั้นสูง

อานิสงส์ของจิตตวิสุทธิ

จิตที่บริสุทธิ์และตั้งมั่นเป็นสมาธินั้น มีอานุภาพและคุณประโยชน์มหาศาล จิตเช่นนี้จะเปี่ยมด้วยความสุขที่ประณีตและสงบเย็นกว่าความสุขทางโลกทั้งปวง และที่สำคัญที่สุด จิตที่เป็นสมาธิจะเปรียบเสมือน "น้ำที่นิ่งใส" ปราศจากตะกอนขุ่นมัว ทำให้สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ที่อยู่ใต้น้ำได้อย่างชัดเจนฉันใด จิตที่เป็นสมาธิก็ย่อมเป็น "ฐานที่สมบูรณ์ที่สุด" สำหรับการเจริญปัญญา (วิปัสสนา) เพื่อให้เห็นแจ้งในสภาวธรรมตามความเป็นจริงฉันนั้น

ในหน้าถัดไป เมื่อจิตของเราตั้งมั่นดีแล้ว เราจะก้าวสู่สถานีที่สาม คือ ทิฏฐิวิสุทธิ: ปัญญาขั้นต้นแห่งการแยกรูปนาม ซึ่งเป็นประตูบานแรกสู่การเจริญปัญญา