ญาณทัสสนวิสุทธิ: ปัญญาแห่งการบรรลุอริยมรรค

ณ ปลายทางของถนนสายวิปัสสนา หลังจากที่ปัญญาของผู้ปฏิบัติได้แก่กล้าจนถึงขีดสุดในขั้น ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ โดยเฉพาะในญาณสุดท้ายคือ สังขารุเปกขาญาณ แล้วนั้น บัดนี้ การเดินทางได้มาถึงสถานีสุดท้ายอันเป็นจุดหมายสูงสุดของการปฏิบัติในพระพุทธศาสนา นั่นคือ ญาณทัสสนวิสุทธิ (Ñāṇadassanavisuddhi) หรือ "ความบริสุทธิ์แห่งความรู้และความเห็นแจ้ง"

นี่คือความบริสุทธิ์ขั้นที่ ๗ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียง "ทาง" อีกต่อไป แต่เป็น "ผล" ของการเดินทางทั้งหมด คือการประจักษ์แจ้งพระนิพพานด้วยปัญญาในระดับโลกุตตระ


กระบวนการแห่งการตรัสรู้: วิถีจิตที่เปลี่ยนภพชาติ

มรรควิถี

ในคัมภีร์วิสุทธิมรรคและอภิธรรมได้อธิบายสภาวะจิตในช่วงเวลาแห่งการบรรลุธรรมไว้ละเอียดอย่างยิ่ง ว่าเป็นกระบวนการของจิตที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นไปตามลำดับที่แน่นอน เรียกว่า "มรรควิถี" ดังนี้:

  1. อนุโลมญาณ (Conformity Knowledge):

    เป็นญาณสุดท้ายที่เกิดขึ้นในขั้นปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ ทำหน้าที่เตรียมจิตให้พร้อมเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อจะก้าวข้ามจากสภาวะของปุถุชน

  2. โคตรภูญาณ (Change-of-lineage Knowledge):

    เป็นจิตดวงสำคัญที่เกิดขึ้นต่อจากอนุโลมญาณ ทำหน้าที่เปลี่ยนโคตรหรือ "ข้ามวงศ์" จากความเป็นปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยบุคคล จิตดวงนี้มี พระนิพพาน เป็นอารมณ์เป็นครั้งแรก แต่ยังไม่มีกำลังพอที่จะทำลายกิเลสได้

  3. มรรคญาณ (Path Knowledge):

    เกิดขึ้นทันทีที่โคตรภูญาณดับลง จิตดวงนี้คือ "พระเอก" ของการตรัสรู้ เป็นปัญญาในระดับโลกุตตระที่ทรงพลังอย่างยิ่ง ทำหน้าที่ ๒ อย่างพร้อมกันคือ: ๑. ประจักษ์แจ้งพระนิพพาน และ ๒. กำจัดกิเลส (สังโยชน์) ให้หมดสิ้นไปตามกำลังของมรรคในแต่ละระดับ

  4. ผลญาณ (Fruition Knowledge):

    หลังจากมรรคญาณดับลงทันที จิตที่เป็นผลจากการประหารกิเลสจะเกิดขึ้น ๒-๓ ขณะ เรียกว่า "ผลจิต" ซึ่งจะเสวยรสชาติแห่งพระนิพพานอันเป็นผลโดยตรงจากมรรคที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เป็นความสุขที่เกิดจากความสงบระงับจากกิเลสอย่างแท้จริง


อริยมรรค ๔: ระดับแห่งการประหารกิเลส

มรรคญาณที่เกิดขึ้นเพื่อทำลายกิเลสนี้ จะเกิดขึ้นในชีวิตของผู้ปฏิบัติได้ ๔ ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งจะทำให้บุคคลนั้นกลายเป็นพระอริยะในระดับที่สูงขึ้นไปตามลำดับ ดังนี้:

  1. โสดาปัตติมรรค: มรรคแห่งการเป็น "พระโสดาบัน" เกิดขึ้นครั้งแรก ทำหน้าที่กำจัดสังโยชน์เบื้องต่ำ ๓ ประการ คือ สักกายทิฏฐิ (ความเห็นผิดว่ามีตัวตน), วิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย), และสีลัพพตปรามาส (ความยึดมั่นในศีลพรตอย่างงมงาย)
  2. สกทาคามิมรรค: มรรคแห่งการเป็น "พระสกทาคามี" ทำหน้าที่ทำให้ราคะ โทสะ และโมหะเบาบางลงอย่างมาก
  3. อนาคามิมรรค: มรรคแห่งการเป็น "พระอนาคามี" ทำหน้าที่กำจัดกามราคะและปฏิฆะ (ความขัดเคืองใจ) ได้อย่างสิ้นเชิง
  4. อรหัตตมรรค: มรรคแห่งการเป็น "พระอรหันต์" เกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายในสังสารวัฏ ทำหน้าที่กำจัดสังโยชน์เบื้องสูงอีก ๕ ประการที่เหลือได้อย่างหมดจด คือ รูปราคะ, อรูปราคะ, มานะ, อุทธัจจะ, และอวิชชา

ปัจจเวกขณญาณ: การทบทวนหลังการบรรลุ

หลังจากมรรควิถีสิ้นสุดลง พระอริยบุคคลที่เพิ่งบรรลุธรรมใหม่ๆ จะเกิด "ปัจจเวกขณวิถี" ขึ้น คือปัญญาที่พิจารณาทบทวน ๕ สิ่ง ได้แก่ ๑. มรรคที่ได้บรรลุ ๒. ผลที่ได้เสวย ๓. พระนิพพานที่ได้ประจักษ์แจ้ง ๔. กิเลสที่ละได้แล้ว และ ๕. กิเลสที่ยังเหลืออยู่ (ยกเว้นพระอรหันต์ซึ่งไม่มีกิเลสเหลืออยู่แล้ว)

ความบริสุทธิ์แห่งความรู้ความเห็นทั้งหมดนี้ รวมเรียกว่า ญาณทัสสนวิสุทธิ อันเป็นยอดสุดแห่งหนทางและเป็นจุดหมายปลายทางของการปฏิบัติธรรมทั้งปวง

ในหน้าถัดไป เราจะทำการ เจาะลึกในเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในการปฏิบัติ ตั้งแต่กรรมฐาน ๔๐ เป็นต้นไป