คัมภีร์อัฏฐสาลินีอธิบายหมวดธรรมว่าด้วยเรื่องรูป หรือ รูปกัณฑ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อแสดงให้เห็นว่า "สสาร" หรือ "ร่างกาย" ที่เรายึดถือกันว่าเป็นตัวเป็นตนนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงการประชุมกันของสภาวธรรมพื้นฐานที่เล็กที่สุด (ปรมัตถธรรม) ซึ่งมีทั้งหมด ๒๘ ชนิด การจำแนกนี้เป็นเครื่องมือสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน

การจำแนกรูปธรรมในคัมภีร์อัฏฐสาลินี สามารถแบ่งออกเป็น ๒ วิธีการหลัก ดังนี้
๑. การจำแนกตามประเภทของรูป (รูป ๒๘)
นี่คือวิธีการจำแนกที่เป็นหัวใจหลัก โดยแบ่งรูปทั้งหมด ๒๘ ชนิดออกเป็น ๒ กลุ่มใหญ่ คือ มหาภูตรูป (รูปที่เป็นใหญ่เป็นประธาน) และ อุปาทายรูป (รูปที่อาศัยมหาภูตรูปเกิด)
ก. มหาภูตรูป ๔ (ธาตุ ๔)
เป็นรูปดั้งเดิม เป็นรากฐาน และเป็นที่อาศัยเกิดของรูปอื่นๆ ทั้งหมด สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจในเชิงสภาวะ (ลักษณะ) ไม่ใช่ตามความหมาย
- ปถวีธาตุ (ธาตุดิน): สภาวะที่ แข็ง หรือ อ่อน เป็นแก่นของสสาร ทำให้วัตถุคงรูปอยู่ได้ เช่น ความแข็งของกระดูก ความอ่อนของเนื้อ
- อาโปธาตุ (ธาตุน้ำ): สภาวะที่ เอิบอาบ หรือ เกาะกุม ทำหน้าที่ยึดเหนี่ยวรูปอื่นๆ ให้รวมตัวกันอยู่ได้ ไม่กระจายออกจากกัน (ไม่ใช่ตัวของเหลว)
- เตโชธาตุ (ธาตุไฟ): สภาวะที่ ร้อน หรือ เย็น (อุณหภูมิ) ทำหน้าที่เผาผลาญและทำให้รูปเจริญเติบโตหรือเสื่อมโทรมลง เช่น ความร้อนในร่างกาย
- วาโยธาตุ (ธาตุลม): สภาวะที่ ไหว หรือ เคร่งตึง ทำหน้าที่ค้ำจุนและเคลื่อนไหวรูปอื่นๆ เช่น การเคลื่อนไหวของอวัยวะ การพองยุบของท้อง
มหาภูตรูปทั้ง ๔ นี้จะเกิดพร้อมกันเสมอและแยกออกจากกันไม่ได้ ในสสารทุกอณูจะต้องมีครบทั้ง ๔ ธาตุเสมอ แต่จะมีธาตุใดธาตุหนึ่งปรากฏเด่นชัดกว่าธาตุอื่น
ข. อุปาทายรูป ๒๔ (รูปที่อาศัยเกิด)
เป็นรูปที่ต้องอาศัยมหาภูตรูปทั้ง ๔ เป็นแดนเกิด ไม่สามารถเกิดขึ้นโดยลำพังได้ แบ่งเป็นกลุ่มย่อยได้ดังนี้
ประสาทรูป ๕ (รูปที่เป็นเครื่องรับอารมณ์)
- จักขุปสาท: ความใสของเยื่อตาที่รับการกระทบของสี (รูปารมณ์)
- โสตปสาท: ความใสของเยื่อในหูที่รับการกระทบของเสียง (สัททารมณ์)
- ฆานปสาท: ความใสของเยื่อในจมูกที่รับการกระทบของกลิ่น (คันธารมณ์)
- ชิวหาปสาท: ความใสของเยื่อบนลิ้นที่รับการกระทบของรส (รสารมณ์)
- กายปสาท: ความใสที่แผ่ซ่านทั่วกาย รับการกระทบของสัมผัส (โผฏฐัพพารมณ์)
โคจรรูป หรือ วิสยรูป ๗ (รูปที่เป็นอารมณ์หรือแดนรับรู้ของจิต)
- รูปารมณ์: สีต่างๆ ที่กระทบตา
- สัททารมณ์: เสียงต่างๆ ที่กระทบหู
- คันธารมณ์: กลิ่นต่างๆ ที่กระทบจมูก
- รสารมณ์: รสต่างๆ ที่กระทบลิ้น
- โผฏฐัพพารมณ์: คือ ปถวีธาตุ, เตโชธาตุ, วาโยธาตุ (๓ อย่าง) ที่มากระทบกาย (อาโปธาตุไม่สามารถรับรู้ผ่านการสัมผัสได้โดยตรง)
ภาวรูป ๒ (รูปแสดงเพศ)
- อิตถีภาวรูป: รูปที่แสดงความเป็นหญิง
- ปุริสภาวรูป: รูปที่แสดงความเป็นชาย
หทยรูป ๑: รูปที่เป็นที่ตั้งอาศัยเกิดของจิต (ยกเว้นทวิปัญจวิญญาณ ๑๐) ตามนัยอภิธรรม
ชีวิตรูป ๑: รูปที่ทำหน้าที่รักษารูปอื่นๆ ที่เกิดจากกรรมให้ดำรงอยู่ต่อไปได้
อาหารรูป ๑: โอชะในอาหารที่หล่อเลี้ยงร่างกาย
ปริจเฉทรูป ๑ (อากาสธาตุ): ช่องว่างที่คั่นระหว่างกลุ่มรูปต่างๆ ทำให้รูปแต่ละกลุ่มแยกออกจากกันได้
วิญญัติรูป ๒ (รูปที่แสดงความหมายให้ผู้อื่นรู้)
- กายวิญญัติ: การเคลื่อนไหวทางกายเพื่อสื่อความหมาย เช่น การพยักหน้า กวักมือ
- วจีวิญญัติ: การเปล่งเสียงพูดเป็นถ้อยคำสื่อความหมาย
วิการรูป ๕ (รูปที่แสดงความเปลี่ยนแปลง)
- ลหุตา: ความเบา
- มุทุตา: ความอ่อนสลวย
- กัมมัญญตา: ความควรแก่การงาน (๓ รูปนี้เกิดพร้อมกัน เรียกว่า ลหุตาทิรูป)
- อุปจยะ: ความเกิดขึ้นครั้งแรกของรูป
- สันตติ: ความสืบต่อของรูป
ลักขณรูป ๔ (รูปที่แสดงลักษณะความเป็นไปของรูปธรรม)
- ชรตา: ความแก่หรือความเสื่อมของรูป
- อนิจจตา: ความแตกดับหรือความสลายไปของรูป
๒. การจำแนกโดยนัยยะต่างๆ (เอกนัย, ทุกนัย, ฯลฯ)
หลังจากแสดงประเภทของรูปทั้ง ๒๘ แล้ว คัมภีร์อัฏฐสาลินีจะนำรูปเหล่านั้นมาจำแนกด้วย "มาติกา" หรือแม่บทอีกครั้ง เพื่อวิเคราะห์ในแง่มุมต่างๆ ซึ่งเป็นการฝึกปัญญาให้เฉียบคม
เอกนัย (จำแนกโดยหมวด ๑): วิเคราะห์ว่ารูปทั้งหมดมีสภาวะร่วมกันอย่างไร- รูปทั้งหมดเป็น "อเหตุกะ" คือ ไม่มีเหตุ ๖ (โลภะ โทสะ โมหะ อโลภะ อโทสะ อโมหะ) ประกอบด้วย
- รูปทั้งหมดเป็น "สัปปัจจยะ" คือ เกิดจากปัจจัยปรุงแต่ง ไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ
- รูปทั้งหมดเป็น "โลกิยะ" คือ ยังเป็นสภาวะที่อยู่ในโลก
- อัชฌัตติกรูป (รูปภายใน) คู่กับ พาหิรรูป (รูปภายนอก)
- วัตถุรูป (รูปที่เป็นที่ตั้งของจิต) คู่กับ อวัตถุรูป (รูปที่ไม่ใช่ที่ตั้งของจิต)
- ทวารรูป (รูปที่เป็นทวาร) คู่กับ อทวารรูป (รูปที่ไม่ใช่ทวาร)
- อินทริยรูป (รูปที่เป็นใหญ่ในหน้าที่) คู่กับ อนินทริยรูป (รูปที่ไม่ใช่ใหญ่ในหน้าที่)
การจำแนกเช่นนี้จะดำเนินต่อไปในหมวด ๓ (ติกนัย), หมวด ๔ (จตุกกนัย) ไปเรื่อยๆ เพื่อให้เห็นสภาวะของรูปธรรมอย่างทะลุปรุโปร่งจากทุกมุมมอง