ติกมาติกา คือ แม่บทหรือหัวข้อธรรมที่จัดเป็นหมวด ๓ ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักและเป็นหัวใจของการวิเคราะห์สภาวธรรมทั้งหมดในพระอภิธรรมปิฎก ตามที่อธิบายไว้ในคัมภีร์อัฏฐสาลินี ติกมาติกานี้เปรียบเสมือน "สารบัญ" ที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ก่อนจะอธิบายเนื้อหาพระอภิธรรมโดยละเอียด เพื่อแสดงให้เห็นถึงขอบเขตและวิธีการจำแนกธรรมทั้งปวง
ติกมาติกาประกอบด้วยหัวข้อใหญ่ ๒๒ หมวด (ติกะ) แต่ละหมวดจะแบ่งสภาวธรรมออกเป็น ๓ ประเภท
ติกมาติกา ๒๒ หมวด
- กุสลติกะ (หมวดกุศล)
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็น ๑. กุศล (สภาพที่ดีงาม ให้ผลเป็นสุข), ๒. อกุศล (สภาพที่ชั่ว ให้ผลเป็นทุกข์), ๓. อัพยากตะ (สภาพที่เป็นกลางๆ ไม่ใช่ทั้งกุศลและอกุศล เช่น ผลของกรรม, กิริยาจิต, รูป, และนิพพาน)
- เวทนาติกะ (หมวดเวทนา)
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เกิดร่วมกับ ๑. สุขเวทนา (ความรู้สึกสุขกายสบายใจ), ๒. ทุกขเวทนา (ความรู้สึกทุกข์กายทุกข์ใจ), ๓. อทุกขมสุขเวทนา (ความรู้สึกเฉยๆ ไม่ทุกข์ไม่สุข)
- วิปากติกะ (หมวดวิบาก)
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็น ๑. วิบาก (ผลของกรรม), ๒. วิปากธัมมธัมมะ (ธรรมที่เป็นเหตุให้เกิดผล), ๓. เนววิปากนวิปากธัมมธัมมะ (ธรรมที่ไม่ใช่ทั้งวิบากและเหตุให้เกิดวิบาก)
- อุปาทินนุปาทานิยติกะ (หมวดธรรมที่กรรมยึดครองและเป็นอารมณ์ของอุปาทาน)
ว่าด้วยธรรมที่ ๑. ถูกกรรมยึดครองและเป็นที่ตั้งของอุปาทาน, ๒. ไม่ถูกกรรมยึดครองแต่เป็นที่ตั้งของอุปาทาน, ๓. ไม่ถูกกรรมยึดครองและไม่เป็นที่ตั้งของอุปาทาน (คือ โลกุตตรธรรม)
- สังกิลิฏฐสังกิเลสิกติกะ (หมวดธรรมที่เศร้าหมองและเป็นอารมณ์ของกิเลส)
ว่าด้วยธรรมที่ ๑. เศร้าหมองและเป็นอารมณ์ของกิเลส, ๒. ไม่เศร้าหมองแต่เป็นอารมณ์ของกิเลส, ๓. ไม่เศร้าหมองและไม่เป็นอารมณ์ของกิเลส
- สวิตักกสวิจารติกะ (หมวดวิตกวิจาร)
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับ ๑. ทั้งวิตกและวิจาร, ๒. ไม่มีวิตกแต่มีวิจาร, ๓. ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร (สภาวะจิตในฌานขั้นสูง)
- ปีติสหคตติกะ (หมวดปีติ)
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับ ๑. ปีติ (ความอิ่มใจ), ๒. สุข (ความสบาย), ๓. อุเบกขา (ความเฉยๆ)
- ทัสสนปหาตัพพติกะ (หมวดธรรมที่ต้องละ)
ว่าด้วยธรรมที่ต้องละด้วย ๑. ทัสสนะ (การเห็นแจ้งอริยสัจครั้งแรก คือ โสดาปัตติมรรค), ๒. ภาวนา (การเจริญมรรคเบื้องสูง), ๓. ไม่ต้องละ (คือ โลกุตตรธรรม)
- ทัสสนปหาตัพพเหตุกติกะ (หมวดเหตุแห่งธรรมที่ต้องละ)
ว่าด้วยธรรมที่มีเหตุที่ต้องละด้วย ๑. ทัสสนะ, ๒. ภาวนา, ๓. ไม่มีเหตุที่ต้องละ
- อาจยคามิติกะ (หมวดธรรมที่นำไปสู่)
ว่าด้วยธรรมที่นำไปสู่ ๑. การสั่งสมกิเลส, ๒. การออกจากกิเลส, ๓. ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง
- เสกขติกะ (หมวดเสกขะ)
ว่าด้วยธรรมที่เป็นของ ๑. พระเสกขะ (ผู้ยังต้องศึกษา คือ พระโสดาบันถึงอนาคามี), ๒. พระอเสกขะ (ผู้ไม่ต้องศึกษาแล้ว คือ พระอรหันต์), ๓. ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง
- ปริตตติกะ (หมวดธรรมเล็กน้อย)
ว่าด้วยธรรมที่เป็น ๑. ปริตตะ (เล็กน้อย คือ ธรรมในกามภูมิ), ๒. มหัคคตะ (ยิ่งใหญ่ คือ ธรรมในรูปภูมิและอรูปภูมิ), ๓. อัปปมาณะ (หาประมาณมิได้ คือ โลกุตตรธรรม)
- ปริตตารัมมณติกะ (หมวดธรรมที่มีอารมณ์เล็กน้อย)
ว่าด้วยธรรมที่มี ๑. อารมณ์เล็กน้อย, ๒. อารมณ์ยิ่งใหญ่, ๓. อารมณ์หาประมาณมิได้ เป็นอารมณ์
- หีนติกะ (หมวดธรรมเลว)
ว่าด้วยธรรมที่เป็น ๑. หีนะ (เลว), ๒. มัชฌิมะ (ปานกลาง), ๓. ปณีตะ (ประณีต)
- มิจฉัตตติกะ (หมวดมิจฉัตตะ)
ว่าด้วยธรรมที่แน่นอนในฝ่าย ๑. ผิด, ๒. ถูก, ๓. ไม่แน่นอน
- มัคคารัมมณติกะ (หมวดธรรมมีมรรคเป็นอารมณ์)
ว่าด้วยธรรมที่มี ๑. มรรคเป็นอารมณ์, ๒. มรรคเป็นเหตุ, ๓. มรรคเป็นใหญ่
- อุปปันนติกะ (หมวดธรรมที่เกิดขึ้น)
ว่าด้วยธรรมที่ ๑. เกิดขึ้นแล้ว, ๒. ยังไม่เกิดขึ้น, ๓. จักต้องเกิดขึ้นแน่นอน
- อตีตติกะ (หมวดอดีต)
ว่าด้วยธรรมที่เป็น ๑. อดีต, ๒. อนาคต, ๓. ปัจจุบัน
- อตีตารัมมณติกะ (หมวดธรรมมีอดีตเป็นอารมณ์)
ว่าด้วยธรรมที่มี ๑. อดีตเป็นอารมณ์, ๒. อนาคตเป็นอารมณ์, ๓. ปัจจุบันเป็นอารมณ์
- อัชฌัตตติกะ (หมวดภายใน)
ว่าด้วยธรรมที่เป็น ๑. ภายใน, ๒. ภายนอก, ๓. ทั้งภายในและภายนอก
- อัชฌัตตารัมมณติกะ (หมวดธรรมมีภายในเป็นอารมณ์)
ว่าด้วยธรรมที่มี ๑. ภายในเป็นอารมณ์, ๒. ภายนอกเป็นอารomณ์, ๓. ทั้งภายในและภายนอกเป็นอารมณ์
- สนิทัสสนสัปปฏิฆติกะ (หมวดธรรมที่เห็นได้และกระทบได้)
ว่าด้วยธรรมที่ ๑. เห็นได้และกระทบได้ (คือ รูปารมณ์), ๒. เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ (คือ อายตนะภายใน ๕ และอารมณ์ ๔), ๓. เห็นไม่ได้และกระทบไม่ได้ (คือ ธรรมอื่นๆ ที่เหลือทั้งหมด)