คำว่า ลักษณะ นี้ ในพระไตรปิฎกและอรรถกถาใช้เรียกทั้ง บัญญัติบัญญัติธรรม: สิ่งที่ถูกกำหนดหรือสมมติขึ้นเพื่อการสื่อสารและความเข้าใจร่วมกัน ไม่มีสภาวะจริงในตัวเอง เช่น ชื่อคน สัตว์ สิ่งของ และ ปรมัตถ์ปรมัตถธรรม: สภาวะที่มีอยู่จริงโดยตัวเอง ไม่ได้อาศัยการสมมติ มีลักษณะเฉพาะตน ได้แก่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน โดยมีหลักการแบ่งเป็นหลักอยู่ดังนี้:
จิตมี สามัญลักษณะสามัญลักษณะ: ลักษณะทั่วไปที่ปรากฏแก่สังขารธรรมทั้งปวง (จิต เจตสิก รูป) คือ ไตรลักษณ์ (ลักษณะสามัญตามธรรมชาติ) อยู่ ๓ ประการ คือ:
สามัญลักษณะทั้ง ๓ นี้ เป็นสิ่งจริงแท้แน่นอน เป็นกฎธรรมชาติที่เรียกว่า “ไตรลักษณ์” รูปธรรม และนามธรรมทั้งหลายอันได้แก่ รูป จิตและ เจตสิก ย่อมจะต้องมีลักษณะเช่นนี้เหมือนกันทั้งหมด
นอกจากจิตจะมีสามัญลักษณะตามที่กล่าวมาแล้ว จิตยังมี วิเสสลักษณะวิเสสลักษณะ: ลักษณะพิเศษหรือลักษณะเฉพาะตัวของจิต ที่ทำให้จิตแตกต่างจากธรรมอื่น (ลักษณะพิเศษเฉพาะตัว) อีก ๔ ประการ คือ:
การทำงานของจิตจะเกิดดับสืบต่อกันไปอย่างไม่ขาดสาย ในพระสูตรตอนหนึ่ง พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้มีใจความว่า:
“ยากที่จะนำสิ่งอื่นๆ ทั้งหลายในโลก มาเปรียบเทียบกับความเกิดดับอันรวดเร็วของจิต เพราะจิต เกิดดับๆ รวดเร็วกว่าสิ่งใดๆ ในโลก เพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียว จิตจะเกิดดับถึง แสนโกฏิขณะ หรือ ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ดวง (หนึ่งล้านล้านดวง)”
ที่ว่าจิตมีการเกิดดับสืบต่ออย่างไม่ขาดสาย เพราะจิตดวงที่ ๑ เกิดขึ้นแล้วดับไป ต่อจากนั้นจิตดวงที่ ๒ ก็จะเกิดขึ้นติดต่อกันแล้วก็ดับไปอีก เป็นเช่นนี้ต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ ดังในภาพ:
ภาวะที่จิตเกิดดับสืบต่อกันเป็นกระแสนี้ท่านเรียกว่า สันตติสันตติ: ความสืบเนื่อง หรือกระแสของจิตที่เกิดดับต่อเนื่องกันไปไม่ขาดสาย เปรียบเหมือนกระแสน้ำ ซึ่งสามารถเปรียบเทียบได้กับกระแสน้ำที่ประกอบไปด้วยอณูของน้ำเล็กๆ เรียงติดต่อกันเป็นสาย ขณะที่กระแสจิตไม่ออกมารับรู้เรื่องราว (อารมณ์) ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เช่นเวลานอนหลับ จิตในขณะนั้นมีชื่อเรียกว่า ภวังคจิตภวังคจิต: จิตที่ดำรงภพ หรือจิตที่ทำหน้าที่รักษาความเป็นบุคคลนั้นไว้ในระหว่างที่ไม่ได้ขึ้นวิถีรับอารมณ์ใหม่ เช่น ขณะหลับสนิท ซึ่งเป็นจิตที่ทำหน้าที่ รักษารูปนามในภพปัจจุบันไว้มิให้แตกทำลายไป จนกว่าจะสิ้นอายุจากภพนี้
แม้ในขณะหลับสนิท (ไม่มีการฝัน) หรือสลบไป ก็จะมีภวังคจิตเกิดดับสืบเนื่องกันตลอดเวลา อารมณ์ของภวังคจิตเป็นอารมณ์ที่สืบเนื่องมาจากเหตุปัจจัยในอดีตภพ เมื่อใดก็ตามที่จิตออกมารับรู้เรื่องราว(อารมณ์) ทางประตู(ทวาร) ทั้ง ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เมื่อนั้นจิตจะขึ้นสู่วิถีซึ่งเรียกว่า วิถีจิตวิถีจิต: กระบวนการทำงานของจิตที่เกิดขึ้นเมื่อมีการรับรู้อารมณ์ทางทวารใดทวารหนึ่ง เป็นลำดับของจิตที่เกิดขึ้นและดับไปอย่างรวดเร็ว และ เมื่อสิ้นสุดแต่ละวิถีก็จะมีภวังคจิตที่คอยรักษาภพชาติ เกิดคั่นอยู่ทุกครั้ง แต่เราจะไม่รู้สึกตัว เพราะการเปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมานั้นเกิดขึ้นรวดเร็วมาก