ที.อ.
“ทีฆนิกาย อฏฺฐกถา”
อธิบายคัมภีร์ ทีฆนิกาย (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๙, ๑๐, ๑๑)
ความหมายของชื่อคัมภีร์
“สุมงฺคลวิลาสินี” (สุ-มัง-คะ-ละ-วิ-ลา-สิ-นี) แปลว่า “คัมภีร์อันยังความงดงามและความเป็นสิริมงคลให้ปรากฏ” หรือ “คำอธิบายอันก่อให้เกิดความปลาบปลื้มอันเป็นมงคล” ชื่อนี้สะท้อนถึงเนื้อหาที่อธิบายพระธรรมอันเป็นมงคลของพระพุทธเจ้าให้งดงามและแจ่มแจ้งยิ่งขึ้น คัมภีร์นี้รจนาโดยพระอรรถกถาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ คือ พระพุทธโฆสาจารย์
เนื้อหาและบทบาทของอรรถกถา
สุมังคลวิลาสินีเป็นคัมภีร์อรรถกถาที่อธิบายขยายความเนื้อหาของพระสูตรทั้งหมดใน “ทีฆนิกาย” หรือ “ชุมนุมพระสูตรขนาดยาว” ซึ่งมีทั้งหมด ๓๔ พระสูตร พระสูตรในทีฆนิกายมักมีเนื้อหาที่สมบูรณ์และยาว เหมาะแก่การศึกษาหลักธรรมเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ บทบาทที่สำคัญที่สุดของอรรถกถาเล่มนี้ คือการอธิบายพระสูตรยาวๆ เหล่านั้นให้เข้าใจได้ง่ายและลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดย:
- ๑. เล่าเรื่องเบื้องหลัง (นิทาน): อรรถกถาจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับที่มาของแต่ละพระสูตรไว้อย่างพิสดาร ว่าพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมแก่ใคร ที่ไหน และด้วยเหตุการณ์อะไรเป็นต้นเหตุ ซึ่งช่วยให้เข้าใจเจตนารมณ์ของพระสูตรนั้นๆ
- ๒. อธิบายศัพท์และเนื้อหา (ปทวณฺณนา): ทำการอธิบายความหมายของคำศัพท์ที่ยากหรือมีความหมายเฉพาะ รวมถึงขยายความเนื้อหาในแต่ละส่วนของพระสูตรให้ชัดเจน เช่น ในพรหมชาลสูตร อรรถกถาจะอธิบายทิฏฐิ ๖๒ ประการอย่างละเอียด หรือในมหาปรินิพพานสูตร ก็จะให้รายละเอียดของเหตุการณ์ในช่วงท้ายของพุทธกิจที่ไม่มีในพระไตรปิฎก
- ๓. วิเคราะห์และสังเคราะห์ธรรม: อรรถกถาจะช่วยวิเคราะห์โครงสร้างและประเด็นสำคัญของแต่ละพระสูตร และเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์กับหลักธรรมอื่นๆ
คุณค่าและความสำคัญ
เนื่องจากทีฆนิกายเป็นที่รวมของพระสูตรที่สำคัญและเป็นที่รู้จักมากมาย เช่น พรหมชาลสูตร, สามัญญผลสูตร, สิงคาลกสูตร และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มหาปรินิพพานสูตร อรรถกถาสุมังคลวิลาสินีจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในฐานะเป็น “กุญแจหลัก” ที่จะไขเข้าไปสู่ความเข้าใจในพระสูตรเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์ อรรถกถาเล่มนี้เป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของพระพุทธโฆสาจารย์ และเป็นแหล่งอ้างอิงหลักสำหรับการตีความทีฆนิกายในสายเถรวาท
☸️ ทีฆนิกาย อฏฺฐกถา หรือ สุมังคลวิลาสินี คือคัมภีร์อรรถาธิบายที่ทำให้ “พระสูตรขนาดยาว” อันลึกซึ้งของพระพุทธองค์กลายเป็นเรื่องที่กัลยาณชนสามารถเข้าถึงทำความเข้าใจตามได้ เป็นผลงานที่แสดงถึงภูมิปัญญาอันแตกฉานของพระพุทธโฆสาจารย์ในการร้อยเรียงเรื่องราวเบื้องหลังและคำอธิบายอันแจ่มแจ้ง เพื่อให้พุทธศาสนิกชนรุ่นหลังสามารถดื่มด่ำกับรสพระธรรมในทีฆนิกายได้อย่างเต็มเปี่ยมและเป็นมงคลสมดังชื่อของคัมภีร์
