พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๒-๓๓

ความหมายของชื่อคัมภีร์ “อปทาน” (อะ-ปะ-ทาน) เป็นศัพท์บาลี แปลว่า “เรื่องราว, ชีวประวัติ, คำบอกเล่าถึงการกระทำในอดีต” ดังนั้น คัมภีร์อปทาน จึงหมายถึง คัมภีร์ที่รวบรวมเรื่องราวชีวประวัติ (โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับการสร้างบุญบารมีในอดีต) ของพระอริยบุคคลทั้งหลาย

เนื้อหาและรูปแบบของคัมภีร์

อปทานเป็นคัมภีร์ลำดับที่ ๑๐ ในหมวดขุททกนิกาย มีเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นบทร้อยกรอง (คาถา) ที่เหล่าพระอรหันต์และพระอรหันตนีทรงคุณวิเศษได้เล่าถึงบุพกรรมหรือการกระทำในอดีตชาติของท่านเอง อันเป็นเหตุให้ได้บรรลุธรรมในชาติปัจจุบัน โครงสร้างหลักของคัมภีร์แบ่งออกเป็น ๓ ส่วนคือ:

  • ๑. เถราปทาน (เรื่องราวของพระอรหันต์ฝ่ายชาย): เป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุด ประกอบด้วยชีวประวัติของพระเถระกว่า ๕๕๐ รูป เริ่มตั้งแต่พระสารีบุตร พระมหาโมคคัลลานะ พระมหากัสสปะ และพระอัครสาวกองค์สำคัญอื่นๆ ไล่ไปจนถึงพระเถระทั่วไป
  • ๒. เถรีอปทาน (เรื่องราวของพระอรหันต์ฝ่ายหญิง): ประกอบด้วยชีวประวัติของพระเถรีกว่า ๔๐ รูป เช่น พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี นางเขมาเถรี และนางอุบลวรรณาเถรี เป็นต้น
  • ๓. ปัจเจกพุทธาปทาน (เรื่องราวของพระปัจเจกพุทธเจ้า): เป็นส่วนสั้นๆ ที่กล่าวถึงเรื่องราวของพระปัจเจกพุทธเจ้า

ลักษณะเด่นของแต่ละเรื่องคือ พระเถระหรือเถรีจะเล่าย้อนไปถึงอดีตชาติที่ได้พบพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ได้ทำบุญกุศลอย่างใดอย่างหนึ่ง (เช่น ถวายดอกไม้, สร้างสะพาน) แล้วตั้งความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ไว้ จากนั้นจะพรรณนาถึงผลบุญที่ส่งผลให้ไปเกิดในสุคติภูมิและได้รับความสุขความเจริญต่อเนื่องมา จนกระทั่งมาถึงชาติสุดท้ายที่ได้พบพระโคตมพุทธเจ้าและได้บรรลุอรหัตผล

คุณค่าและความสำคัญ

คัมภีร์อปทานมีคุณค่าอย่างยิ่งในการเป็นเครื่องยืนยันและปลูกฝังศรัทธาในเรื่อง “กฎแห่งกรรม” และ “การสั่งสมบารมี” ได้อย่างเป็นรูปธรรมที่สุด เรื่องราวทั้งหมดเป็นประจักษ์พยานว่าการกระทำความดีแม้เพียงเล็กน้อย หากทำด้วยจิตที่เลื่อมใสและประกอบด้วยปณิธานที่แน่วแน่ ย่อมสามารถส่งผลอันไพบูลย์จนนำไปสู่เป้าหมายสูงสุดคือพระนิพพานได้ คัมภีร์นี้จึงเป็นแหล่งสร้างแรงบันดาลใจที่สำคัญสำหรับพุทธศาสนิกชน

☸️ ขุทฺทกนิกาย อปทาน คือมหากาพย์แห่งชีวประวัติของเหล่าพระอริยสาวก เป็นคัมภีร์ที่รวบรวมเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์และน่าเลื่อมใสที่แสดงให้เห็นถึงพลังแห่งกรรมดีและความมุ่งมั่นในการสร้างบารมีข้ามภพข้ามชาติ การศึกษาอปทานเปรียบเสมือนการได้ฟังเรื่องเล่าจากวีรบุรุษและวีรสตรีทางธรรม ซึ่งช่วยจุดประกายความหวังและสร้างกำลังใจให้แก่ผู้ที่ยังเดินทางอยู่ในสังสารวัฏ ให้มุ่งมั่นทำความดีตามรอยบาทพระอริยเจ้าทั้งหลายสืบไป

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓

ความหมายของชื่อคัมภีร์ “จริยาปิฎก” (จะ-ริ-ยา-ปิ-ดก) มาจากศัพท์บาลี ๒ คำ คือ “จริยา” แปลว่า ความประพฤติ, การบำเพ็ญ และ “ปิฎก” แปลว่า กระจาด, ตะกร้า, ในที่นี้หมายถึงหมวดหรือคัมภีร์ ดังนั้น จริยาปิฎก จึงหมายถึง “คัมภีร์ที่รวบรวมเรื่องราวความประพฤติ” ซึ่งหมายถึงเรื่องราวการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ในอดีตชาติ

เนื้อหาและรูปแบบของคัมภีร์

จริยาปิฎกเป็นคัมภีร์ลำดับที่ ๑๕ ซึ่งเป็นเล่มสุดท้ายในหมวดขุททกนิกาย มีเนื้อหาทั้งหมดเป็นบทร้อยกรอง (คาถา) จำนวน ๓๕ เรื่อง โดยเป็นพระพุทธดำรัสที่พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องราวในอดีตชาติของพระองค์เอง (หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ชาดก“) เพื่อตอบคำถามของพระสารีบุตร เอกลักษณ์ที่สำคัญที่สุดของคัมภีร์นี้ คือการนำเรื่องราวชาดกที่คัดเลือกมาแล้ว มาจัดหมวดหมู่ใหม่ตาม “บารมี ๑๐ ประการ” ที่พระโพธิสัตว์ได้ทรงบำเพ็ญในชาตินั้นๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึงการสั่งสมคุณธรรมอันยิ่งใหญ่เพื่อการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า บารมี ๑๐ ประการได้แก่:

  • ๑. ทานบารมี: การให้
  • ๒. ศีลบารมี: การรักษากายวาจาให้ปกติ
  • ๓. เนกขัมมบารมี: การออกบวช, การปลีกตัวจากกาม
  • ๔. ปัญญาบารมี: ความรอบรู้
  • ๕. วิริยบารมี: ความเพียร
  • ๖. ขันติบารมี: ความอดทนอดกลั้น
  • ๗. สัจจบารมี: ความซื่อสัตย์จริงใจ
  • ๘. อธิษฐานบารมี: ความตั้งใจมั่น
  • ๙. เมตตาบารมี: ความรักใคร่ปรารถนาดี
  • ๑๐. อุเบกขาบารมี: การวางใจเป็นกลาง

เรื่องราวในจริยาปิฎกจึงเป็นการสรุปชาดกโดยเน้นย้ำว่า ในชาตินั้นๆ พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญบารมีข้อใดเป็นพิเศษ เช่น การเล่าเรื่องเวสสันดรชาดกเพื่อแสดงถึงทานบารมีขั้นสูงสุด

คุณค่าและความสำคัญ

ในขณะที่คัมภีร์ชาดกมีเรื่องราวกว่า ๕๐๐ เรื่องและมีขนาดใหญ่มาก จริยาปิฎกทำหน้าที่เป็นบทสรุปที่สั้น กระชับ และมุ่งเน้นเฉพาะเรื่องการบำเพ็ญบารมีโดยตรง ทำให้ผู้ศึกษาเข้าใจแนวทางของพระโพธิสัตว์ได้อย่างรวดเร็วและชัดเจน เป็นคัมภีร์ที่สร้างแรงบันดาลใจและปลูกฝังคุณธรรมเรื่องความเสียสละ ความเพียร และความอดทนอันยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายอันสูงส่ง

☸️ ขุทฺทกนิกาย จริยาปิฎก คือ “อัตชีวประวัติแห่งการบำเพ็ญบารมี” ของพระโพธิสัตว์ เป็นการรวบรวมเรื่องราวการเสียสละอันยิ่งใหญ่ที่พระพุทธองค์ทรงเล่าด้วยพระองค์เอง เพื่อแสดงให้เห็นถึงหนทางแห่งการสร้างสมคุณธรรมความดีที่ต้องอาศัยเวลายาวนานและความมุ่งมั่นอย่างสูงสุด การศึกษาจริยาปิฎกจึงเปรียบเสมือนการได้รับฟังแผนที่และเรื่องราวให้กำลังใจจากผู้ที่เดินทางถึงจุดหมายแล้ว เพื่อเป็นแนวทางและแรงผลักดันให้ก้าวเดินตามต่อไป

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓

ความหมายของชื่อคัมภีร์ “พุทฺธวํส” (พุด-ทะ-วง) มาจากศัพท์บาลี ๒ คำ คือ “พุทธ” แปลว่า พระพุทธเจ้า และ “วํส” (วงศ์) แปลว่า วงศ์วาน, เชื้อสาย, ลำดับ ดังนั้น พุทธวงศ์ จึงหมายถึง “วงศ์แห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย” เป็นคัมภีร์ที่ว่าด้วยเรื่องราวและลำดับของพระพุทธเจ้าในอดีตที่ได้ตรัสรู้ล่วงมาแล้วก่อนหน้าพระโคตมพุทธเจ้าของเรา

เนื้อหาและรูปแบบของคัมภีร์

พุทธวงศ์เป็นคัมภีร์ลำดับที่ ๑๔ ในหมวดขุททกนิกาย มีเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นบทร้อยกรอง (คาถา) ที่พระโคตมพุทธเจ้าทรงเล่าด้วยพระองค์เอง เพื่อตอบคำถามของพระสารีบุตรเถระ เนื้อหาเป็นการเล่าชีวประวัติโดยย่อของ พระพุทธเจ้าในอดีต ๒๔ พระองค์ ที่ได้ทรงอุบัติขึ้นในอดีตกาล ไล่เรียงตั้งแต่พระทีปังกรพุทธเจ้ามาจนถึงพระกัสสปพุทธเจ้า รูปแบบการเล่าเรื่องของแต่ละพระองค์จะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน คือ:

  • ๑. ข้อมูลทั่วไป พรรณนาถึงพระนาม, ชื่อพระนคร, พระบิดาพระมารดา, พระอัครสาวก, พระพุทธอุปัฏฐาก, และไม้ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นๆ
  • ๒. การพบกันของพระโพธิสัตว์ จุดเด่นที่สุดของทุกเรื่องคือการเล่าถึงชาติที่พระโพธิสัตว์ (คือพระโคตมพุทธเจ้าในอดีตชาติ) ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นๆ และได้สร้างบุญบารมีอย่างยิ่งใหญ่เฉพาะพระพักตร์
  • ๓. การได้รับพุทธพยากรณ์ หลังจากที่พระโพธิสัตว์ได้สร้างมหากุศลแล้ว พระพุทธเจ้าในอดีตพระองค์นั้นก็จะทรงเปล่งวาจาพยากรณ์ (ทำนาย) ว่า ในอนาคตกาลอีกกี่กัปข้างหน้า บุคคลผู้นี้จักได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง มีพระนามว่าอย่างนั้นอย่างนี้… ซึ่งการได้รับพุทธพยากรณ์นี้ถือเป็นการยืนยันเส้นทางการเป็นพระพุทธเจ้าของพระโพธิสัตว์อย่างแน่นอน

เรื่องราวเริ่มต้นที่โด่งดังที่สุดคือ เมื่อครั้งที่พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นสุเมธดาบส ได้นอนทอดกายเป็นสะพานให้พระทีปังกรพุทธเจ้าเสด็จข้าม และได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรก

คุณค่าและความสำคัญ

คัมภีร์พุทธวงศ์มีความสำคัญอย่างยิ่งในการวางรากฐานแนวคิดเรื่อง “พระโพธิสัตว์” และ “การบำเพ็ญบารมี” ในพระพุทธศาสนาเถรวาท แสดงให้เห็นว่าการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลมาจากความเพียรพยายามและการสั่งสมคุณงามความดีมาอย่างยาวนานนับภพนับชาติไม่ถ้วน คัมภีร์นี้ช่วยสร้างศรัทธาและความเข้าใจในพระปัญญาคุณของพระพุทธเจ้าว่าทรงมีมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะในชาติสุดท้ายเท่านั้น

☸️ ขุทฺทกนิกาย พุทธวํส เป็นการยืนยันถึงเส้นทางแห่งการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ การศึกษาพุทธวงศ์ช่วยให้เราตระหนักว่าพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ล้วนเป็นต้นแบบแห่งความเพียรและความเสียสละอันสูงสุด เป็นแรงบันดาลใจให้พุทธศาสนิกชนมุ่งมั่นในเส้นทางแห่งความดีงามสืบไป

อ่านต่อ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓

Scroll to Top