คือ การรวบรวมช่องทางรู้อารมณ์ของจิตและเจตสิก ชื่อว่า “ทวารสังคหะ” คำว่า “ทวาร” แปลว่า ประตู สำหรับเป็นที่เข้าออกของบุคคลทั้งหลายได้ใช้ผ่านเข้าออก เพื่อทำกิจการงานต่างๆ ได้ จิตและเจตสิกที่จะทำกิจการงานเพื่อรู้อารมณ์ต่าง ๆ ได้ ก็ต้องอาศัยประตูหรือทวารเช่นเดียวกัน มีจักขุปสาทเป็นต้น ชื่อว่า “ทวาร” เพราะเป็นเหมือนหนึ่งประตูที่ใช้เป็นทางเข้าออกของวิถีจิต ให้เกิดการงาน เห็นอารมณ์ขึ้นมาได้ ถ้าไม่มีจักขุปสาท คือ จักขุทวารแล้ว ก็จะเห็นอารมณ์ใด ๆ ไม่ได้เลย กล่าวคือ ถ้าสัตว์ทั้งหลายไม่มีปสาทรูปทั้ง ๕ และภวังคจิตเสียแล้ว วิถีจิตใด ๆ ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ เมื่อวิถีจิตเกิดขึ้นไม่ได้แล้ว กรรม คือ การกระทำ, การพูด, การนึกคิดที่ดี หรือไม่ดีก็ตามย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้เลย สัตว์ทั้งหลายก็จะไม่ผิดอะไรกันกับพืช หรือวัตถุสิ่งของต่าง ๆ เท่านั้น
ทวาร หรือประตู ที่จิตไปรู้อารมณ์ต่าง ๆ ได้นั้น มี ๖ ทวาร คือ :-
๑. จักขุทวาร องค์ธรรมได้แก่ จักขุปสาท
๒. โสตทวาร องค์ธรรมได้แก่ โสตปสาท
๓. มานทวาร องค์ธรรมได้แก่ ฆานปสาท
๔. ชิวหาทวาร องค์ธรรมได้แก่ ชิวหาปสาท
๕.กายทวาร องค์ธรรมได้แก่ กายปสาท
๖. มโนทวาร องค์ธรรมได้แก่ ภวังคจิต ๑๙
เมื่อประตูเข้า-ออกของจิตเจตสิก มีอยู่หลายทางเช่นนี้ พระอนุรุทธาจารย์ได้จัดลำดับของจิต เจตสิกที่อาศัยเกิดทางทวารต่าง ๆ ไว้ ดังต่อไปนี้
คาถาสังคหะ
แปลความว่า จิตอาศัยเกิดทางทวารเดียวก็มี, อาศัยเกิดได้ใน ๕ ทวารก็มี, อาศัยเกิดได้ทั้ง ๖ ทวารก็มี, บางทีก็อาศัยทวารทั้ง ๖ เกิดบ้าง หรือ บางทีไม่ได้อาศัยทวารทั้ง ๖ บ้าง และจิตที่เกิดขึ้นโดยพ้นจากทวารทั้ง ๖ ก็มีอยู่ทุกประการ
อธิบาย
การเกิดขึ้นของจิต เจตสิก ย่อมมีได้ ทั้งอาศัยทวารและไม่ต้องอาศัยทวารซึ่งตามที่แสดงไว้ในคาถาสังคหะที่ ๙ นี้ มีรวมอยู่ด้วยกันทั้งหมด ๕ ประการ คือ
๑. เอกทวาริกจิต คือ จิต เจตสิก ที่อาศัยเกิดได้ทางทวารเดียว
๒. ปัญจทวาริกจิต คือ จิต เจตสิก ที่อาศัยเกิดได้ทางทวารทั้ง ๕
๓. ฉทวาริกจิต คือ จิต เจตสิก ที่อาศัยเกิดได้ทางทวารทั้ง ๖
๔. ฉทวาริกวิมุตตจิต คือ จิต เจตสิก ที่อาศัยเกิดได้ทางทวารทั้ง ๖ บ้าง บางทีก็เกิดโดยไม่ต้องอาศัยทวารบ้าง (พ้นทวาร)
๕. ทวารวิมุตตจิต คือ จิต เจตสิก ที่เกิดขึ้น โดยไม่ต้องอาศัยทวารทั้ง ๖ นั้นเลย
จิตที่อาศัยเกิดตามทวารต่างๆ ทั้ง ๖ ทวารนั้น ที่เกิดทางปัญจทวาร คืออาศัยเกิดทางตา, หู, จมูก, ลิ้น และกาย มีองค์ธรรม ได้แก่ ปสาทรูป ๕ เป็น รูปทวาร ซึ่งเป็นทางให้ทวิปัญจวิญญาณ เกิดขึ้นรับปัญจารมณ์ อันได้แก่ รูป, เสียง, กลิ่น, รส, สัมผัสถูกต้อง และเป็นเหตุให้วิถีจิตเกิดขึ้นทางปัญจทวารวิถีอีกด้วย ส่วนจิตที่เกิดทางมโนทวารนั้น เป็นนามทวาร อันได้แก่ ภวังคจิต ซึ่งเป็นทางให้มโนวิญญาณธาตุเกิดขึ้นในอารมณ์ทั้ง ๖ และเป็นเหตุให้วิถีจิตเกิดขึ้นทางมโนทวารวิถี
ตามคาถาสังคหะที่กล่าวมาแล้วนั้น เพื่อแสดงการอาศัยทวารต่างๆ เกิดขึ้นของจิต เจตสิกเท่านั้น ซึ่งเกิดขึ้นโดยอาศัยรูปทวาร ๕ ทวาร นามทวาร ๑ ทวารเท่านั้น ไม่ได้แสดงถึงจำนวนของจิตที่อาศัยเกิดได้ทางทวารต่าง ๆ เหล่านั้น การแสดงถึงจำนวนของจิตที่อาศัยเกิดทาง ทวารใดทวารหนึ่งนั้น มีแสดงไว้ ดังต่อไปนี้
คาถาสังคหะ
แปลความว่า เมื่อกำหนดจำนวนจิต ๕ ประเภทเหล่านั้น มีตามลำดับดังนี้คือ ๓๖-๓-๓๑-๑๐-๙
อธิบาย
คาถาสังคหะที่ ๑๐ นี้ แสดงถึงจำนวนจิตที่เกิดได้ทางทวารต่าง ๆ ๕ ประเภท ดังที่แสดงไว้ในคาถาสังคหะที่ ๙ ซึ่งมีจำนวนดังนี้ คือ :-
๑. เอกทวาริกจิต จิตที่อาศัยเกิดได้ทวารเดียว มี ๓๖ ดวง ได้แก่
- ทวิปัญจวิญญาณ ๑๐
- อัปปนาชวนจิต ๒๖
๒.ปัญจทวาริกจิต จิตที่อาศัยเกิดได้ทางปัญจทวาร มี ๓ ดวง ได้แก่
- ปัญจทวาราวัชชนจิต ๑
- สัมปฏิจฉนจิต ๒
๓. ฉทวาริกจิต จิตที่อาศัเกิดได้ทางทวารทั้ง ๖ มี ๓๑ ดวง ได้แก่
- โสมนัสสันตีรณจิต ๑
- มโนทวาราวัชชนจิต ๑
- กามชวนจิต ๒๙
๔. ฉทวาริกวิมุตตจิต จิตที่บางที่อาศัยทวารทั้ง ๖ เกิดบางทีไม่ได้อาศัยทวารทั้ง ๖ มี ๑๐ ดวง ได้แก่
- อุเบกขาสันตีรณจิต ๒
- มหาวิบากจิต ๘
(อุเบกขาสันตีรณจิต ๒ เมื่อทำหน้าที่สันติรณกิจ หรือตทาลัมพนกิจ
มหาวิบากจิต ๘ เมื่อทำหน้าที่ตทาลัมพนกิจ
จิต ๑๐ ดวงที่กล่าวมานี้ เมื่อทำหน้าที่ดังกล่าวข้างต้น ต้องอาศัยทวารเป็นทางเกิด แต่ถ้าทำหน้าที่ปฏิสนธิกิจ, ภวังคกิจ, จุติกิจ อย่างใดอย่างหนึ่งใน ๓ กิจนี้แล้ว ก็ไม่อาศัยทวารเลย)
๕. ทวารวิมุตตจิต จิตที่เกิดพ้นจากทวารทั้ง ๖ โดยไม่ต้องอาศัยทวารหนึ่งทวารใดเลย มีจำนวน ๙ ดวง ได้แก่ มหัคคตวิบากจิต ๙ ดวง
ตามที่กล่าวแล้วข้างต้นนี้ เป็นการแสดงจำนวนจิตที่ต้องอาศัยทวารเกิดและที่ไม่ต้องอาศัยทวารใดๆ เกิดโดยแน่นอนแต่อย่างเดียว แต่เมื่อจะแสดงรายละเอียดของจำนวนจิตที่เกิดได้แต่ละทวาร ทั้งที่เกิดได้แน่นอน (เอกันตะ) และที่ไม่แน่นอน (อเนกันตะ) ย่อมแสดงได้ ดังนี้
๑. เอกทวาริกจิต มีจำนวน ๘๐ ดวง
เอกทวาริกจิต เอกันตะ (โดยแน่นอน) มี ๓๖ ดวง ได้แก่
- ทวิปัญจวิญญาณ ๑๐
- อัปปนาชวนจิต ๒๖
เอกทวาริกจิต อเนกันตะ (ไม่แน่นอน) มี ๔๔ ดวง ได้แก่
- มโนธาตุ ๓
- มโนทวาราวัชชนจิต ๑
- กามชวนจิต ๒๙
- ตทาลัมพนจิต ๑๑
การแสดงจำนวนจิตโดยเอกทวาริกจิตข้างบนนี้ เป็นการแสดงรวมทั้ง ๖ ทวาร แต่นับเฉพาะจิตที่เกิดได้แต่ละทวารเพียงทวารเดียว ซึ่งเมื่อจะจำแนกโดยพิสดารแล้ว ก็อาจจำแนกออกไปได้อีก คือ
จักขุทวาริกจิต เอกันตะ มี ๒ ดวง ได้แก่
โสตทวาริกจิต เอกันตะ มี ๒ ดวง ได้แก่
- โสตวิญญาณ ๒
โสตทวาริกจิต อเนกันตะ มี ๔๔ ดวง ได้แก่
- มโนธาตุ ๓
- มโนทวาราวัชชนจิต ๑
- กามชวนจิต ๒๙
- ตทาลัมพนจิต ๑๑
- ฆานวิญญาณ ๒
ฆานทวาริกจิต อเนกันตะ มี ๔๔ ดวง ได้แก่
- มโนธาตุ ๓
- มโนทวาราวัชชนจิต ๑
- กามชวนจิต ๒๙
- ตทาลัมพนจิต ๑๑
ง. ชิวหาทวาริกจิต มี ๔๖ ดวง
ชิวหาทวาริกจิต เอกันตะ มี ๒ ดวง ได้แก่
- ชิวหาวิญญาณ ๒
ชิวหาทวาริกจิต อเนกันตะ มี ๔๔ ดวง ได้แก่
- มโนธาตุ ๓
- มโนทวาราวัชชนจิต ๑
- กามชวนจิต ๒๙
- ตทาลัมพนจิต ๑๑
กายทวาริกจิต เอกันตะ มี ๒ ดวง ได้แก่
- กายวิญญาณ ๒
กายทวาริกจิต อเนกันตะ มี ๔๔ ดวง ได้แก่
- มโนธาตุ ๓
- มโนทวาราวัชชนจิต ๑
- กามชวนจิต ๒๙
- ตทาลัมพนจิต ๑๑
มโนทวาริกจิต เอกันตะ มี ๒๖ ดวง ได้แก่
- อัปปนาชวนจิต ๒๖
มโนทวาริกจิต อเนกันตะ มี ๔๑ ดวง ได้แก่
- มโนทวาราวัชชนจิต ๑
- กามชวนจิต ๒๙
ฅ- ตทาลัมพนจิต ๑๑
๒. ปัญจทวาริกจิต มี ๔๔ ดวง
ปัญจทวาริกจิต เอกันตะ มี ๓ ดวง ได้แก่
- มโนธาตุ ๓
ปัญจทวาริกจิต อเนกันตะ มี ๔๑ ดวง ได้แก่
- มโนทวาราวัชชนจิต ๑
- กามชวนจิต ๒๙
- ตทาลัมพนจิต ๑๑
๓. ฉทวาริกจิต มี ๔๑ ดวง
ฉทวาริกจิต เอกันตะ มี ๓๑ ดวง ได้แก่
-โสมนัสสันตีรณจิต ๑
-มโนทวาราวัชชนจิต ๑
-กามชวนจิต ๒๙
ฉทวาริกจิต อเนกันตะ มี ๑๐ ดวง ได้แก่
-อุเบกขาสันตีรณจิต ๒
-มหาวิบาก ๘
๔. ทวาริกวิมุตตจิต มี ๑๙ ดวง
ทวาริกวิมุตตจิต เอกันตะ มี ๙ ดวง ได้แก่
-มหัคคตวิบากจิต ๙
ทวาริกวิมุตตจิต อเนกันตะ มี ๑๐ ดวง ได้แก่
-อุเบกขาสันตีรณจิต ๒
-มหาวิบากจิต ๘
เจตสิก กับ ทวาร
๑. วิรตีเจตสิก๓ ดวง คือ สัมมาวาจา, สัมมากัมมันตะ และสัมมาอาชีวะเ มื่อประกอบกับโลกุตตรจิต ย่อมเกิดเฉพาะทางมโนทวาร
๒. อัปปมัญญาเจตสิก ๒ ดวง คือ กรุณาและมุทิตาเจตสิก เมื่อประกอบกับมหัคคตจิต หรือกามาวจรจิต ก็ตาม ก็ย่อมเกิดเฉพาะทางมโนทวาร ทางเดียวเช่นกัน
๓. เจตสิกทั้งหมด ๕๒ ดวง เมื่อประกอบกับจิต ๘๐ ดวง (เว้นมหัคคตวิบากจิต ๔) ย่อมเกิดกับจิตได้ในทวารทั้ง ๖ ทั้งที่แน่นอน (เอกันตะ) และไม่แน่นอน (อเนกันตะ)
๔.เจตสิก ๓๕ ดวง คือ อัญญสมานาเจตสิก ๑๓ โสภณเจตสิก ๒๒ (เว้นวิรดี ๓) ที่ประกอบกับมหัคคตวิบากจิต ๔ นั้น เป็นเจตสิกที่เกิดโดยพ้นทวาร (ทวารวิมุต)
การที่จะทราบว่าเจตสิกใด เกิดทางทวารใดนั้น อาศัยการพิจารณาดูว่าเจตสิกใด ประกอบกับจิตใดบ้าง ถ้าจิตนั้นอาศัยเกิดทางทวารใด เจตสิกที่ประกอบกับจิตนั้น ๆ ก็อาศัยเกิดทางทวารเดียวกับจิตนั่นเอง
🕀 จำแนกเจตสิกโดยทวาร
๑. เอกทวาริกเจตสิก มี ๕๒ ดวง คือ
เอกทวาริกเจตสิก เอกันตะ มี ๒ ดวง ได้แก่
- อัปปมัญญาเจตสิก ๒ ดวง (เกิดได้ทางมโนทวารทางเดียว)
เอกทวาริกเจตสิก อเนกันตะ มี ๕๐ ดวง ได้แก่
- เจตสิก ๕๐ ดวง (เว้นอัปปมัญญาเจตสิก ๒)
๒. ปัญจทวาริกเจตสิก มี ๕๐ ดวง คือ
ปัญจทวาริกเจตสิก เอกันตะ ไม่มี (เจตสิกที่ประกอบเฉพาะมโนธาตุ ๓ ไม่มี)
ปัญจทวาริกเจตสิก อเนกันตะ มี ๕๐ ดวง ได้แก่
- เจตสิก ๕๐ ดวง (เว้นอัปปมัญญา)
๓. ฉทวาริกเจตสิก มี ๕๐ ดวง คือ
ฉทวาริกเจตสิก เอกันตะ มี ๑๗ ดวง ได้แก่
- อกุศลเจตสิก ๑๔
- วิรตีเจตสิก ๓
ฉทวาริกเจตสิก อเนกันตะ มี ๓๓ ดวง ได้แก่
- อัญญสมานาเจตสิก ๑๓
-โสภณเจตสิก ๒๐ (เว้นวิรตี ๓, อัปปมัญญา ๒)
๔. ทวาริกเจตสิก มี ๕๒ ดวง คือ
ทวาริกเจตสิก เอกันตะ มี ๑๗ ดวง ได้แก่
- อกุศลเจตสิก ๑๔
- วิรตีเจตสิก ๓
ทวาริกเจตสิก อเนกันตะ มี ๓๕ ดวง ได้แก่
- อัญญสมานาเจตสิก ๑๓
- โสภณเจตสิก ๒๒ (เว้นวิรตี ๓)
๕. ทวารวิมุตตเจตสิก มี ๓๕ ดวง คือ
ทวารวิมุตตเจตสิก เอกันตะ ไม่มี
ทวารวิมุตตเจตสิก อเนกันตะ มี ๓๕ ดวง ได้แก่
- อัญญสมานาเจตสิก ๑๓
- โสภณเจตสิก ๒๒ (เว้นวิรตี ๓)
🔆อธิบาย
๑. เอกทวาริกเจตสิก มีอัปปมัญญาเจตสิก ๒ (กรุณาเจตสิก มุทิตาเจตสิก) เกิดได้ทางมโนทวารเดียวกันโดยแน่นอน เพราะอัปปมัญญาเจตสิก ๒ ดวงนี้ เกิดขึ้นรับสัตวบัญญัติเป็นอารมณ์ วิถีจิตที่จะรับบัญญัติอารมณ์ได้ ต้องเป็นวิถีจิตที่เกิดทางมโนทวารอย่างเดียว ฉะนั้น อัปปมัญญาเจตสิก ๒ ดวงนี้ จึงเกิดได้ทางมโนทวาร อย่างเดียวแน่นอน
ส่วนเจตสิกที่เหลืออีก ๕๐ ดวงนั้น เกิดในทวารได้ไม่แน่นอน คือ เกิดในทวารอื่น ๆ อีกก็ได้ เช่นเกิดได้ทั้งทวาริกเจตสิก และ ทวารวิมุตตเจตสิก
๒. ปัญจทวาริกเจตสิก เจตสิกที่เกิดได้เฉพาะในปัญจทวาร คือ ประกอบกับมโนธาตุ ๓ โดยเฉพาะนั้น ไม่มี
ส่วนเจตสิก ๕๐ ดวง (เว้นอัปปมัญญาเจตสิก ๒) ย่อมเกิดได้ในปัญจทวารโดยไม่แน่นอน คือ อาจเกิดในทวารอื่น ๆ อีกด้วยก็ได้
๓. ฉทวาริกเจตสิก เจตสิกที่เกิดได้ในทวารทั้ง ๖ โดยแน่นอน หมายถึง เจตสิกที่จะเกิดขึ้นพ้นจากทวารทั้ง ๖ ทวารหนึ่งทวารใดไม่ได้ มีจำนวน ๑๗ ดวง ได้แก่
- อกุศลเจตสิก ๑๔ เมื่อประกอบกับอกุศลจิต ๑๒ ย่อมเกิดในทวาร ๖ เสมอ
- วิรตีเจตสิก ๓ ที่ประกอบกับมหากุศล ๘ ย่อมเกิดได้ในทวาร ๖ เสมอ
ส่วนเจตสิก ๓๓ ดวง คือ อัญญสมานาเจตสิก ๑๓ โสภณเจตสิก ๒๐ (เว้นวิรตี ๓, อัปปมัญญา ๒) ย่อมประกอบกับจิตที่เกิดในทวารทั้ง ๖ ก็ได้, ประกอบกับจิตที่เกิดพ้นจากทวารก็ได้ จึงเป็นฉทวาริกเจตสิกที่ไม่แน่นอน
๔. ทวาริกเจตสิก หมายถึง เจตสิกที่เกิดขึ้นได้ โดยต้องอาศัยทวารเกิด เจตสิกที่เกิดโดยอาศัยทวารเกิดแน่นอนนั้น ได้แก่ เจตสิก ๑๗ ดวง ที่เป็นฉทวาริกเจตสิกโดยแน่นอนนั่นเอง ส่วนที่อาศัยทวารเกิดโดยไม่แน่นอน ได้แก่ เจตสิก ๓๕ ดวง คือ อัญญสมานาเจตสิก ๑๓ โสภณเจตสิก ๒๒ (เว้นวิรดี ๓) เจตสิก ๓๕ ดวงนี้ อาจประกอบกับจิตที่พ้นจากทวาร คือ ภวังคจิต ๑๙ (มีมหากุศลวิบาก ๘ สันตีรณอกุศล ๑ สันตีรณกุศล ๑ และวิบากฌาณจิต ๙ อนึ่ง ภวังคจิตย่อมมีจำนวนเท่ากับปฎิสนธิจิต คือ มหาวิบาก๘ อุเบกขาสันตีรณกุศลวิบาก๑ อุเบกขาสันตรีณอกุศวิบาก๑ รูปาวจรวิบาก๕ และอรูปาวจรวิบาก ๔ - วิบากจิตใดที่ทำกิจปฏิสนธิ วิบากจิตนั้นก็ทำกิจภวังค์ และทำกิจจุติ ในภพนั้นๆ) และประกอบจิตอื่น ที่นอกจากจิต ๑๙ ดวง (อุเบกขาสันติรณจิต ๒, มหาวิบาก ๔, มหัคคตวิบาก ๙) นั้นก็ได้
๕. ทวารวิมุตตเจตสิก เจตสิกที่เกิดพ้นทวารโดยแน่นอนนั้น ไม่มี เพราะเจตสิกที่ประกอบกับมหัคคตวิบากจิต ๔ โดยเฉพาะนั้น ไม่มี
ส่วนเจตสิกที่เกิดพ้นจากทวารโดยไม่แน่นอนนั้น มี ๓๕ ดวง ได้แก่ อัญญสมานาเจตสิก ๑๓ โสภณเจตสิก ๒๒ (เว้นวิรตี ๓) ที่ประกอบกับมหัคคตวิบากจิต ๙
อนึ่ง สำหรับอัปปมัญญเจตสิก ๒ ดวง ที่เกิดพ้นจากทวารนั้น จะเกิดได้เฉพาะขณะที่ประกอบกับรูปาวจรวิบากจิต ๔ (ปฐมฌาน-จตุตถฌาน) เท่านั้น มหัคคตปัญจมฌานวิบากจิตที่เหลือ คงมีเจตสิกประกอบได้ ๓๐ ดวง (เว้นอัปปมัญญา ๒)