ปาจิตตีย์ ๙๒ สิกขาบท จัดเป็น ๙ วรรค
มุสาวรรค ๑๐
ภูตคามวรรค ๑๐
ภิกขุโนวาทวรรค ๑๐
โภชนวรรค ๑๐
อเจลกวรรค ๑๐
สุราปานวรรค ๑๐
สัปปาณวรรค ๑๐
สหธัมมิกวรรค ๑๒
ราชวรรค ๑๐
สัปปาณวรรคที่ ๗ มี ๑๐ สิกขาบท ดังนี้
๑. สัญจิจจปาณสิกขาบท
ความว่า ภิกษุแกล้งฆ่าสัตว์ดิรัจฉานให้ตายลงด้วยตามเจตนา ไม่เลือกว่าสัตว์เล็กใหญ่ ต้องอาบัติปาจิตตีย์โดยโทษนี้ล่วงพระพุทธบัญญัติ แต่จะมีโทษน้อยมากนั้นเป็นตามโทษที่โลกจะพึงเว้นโดยธรรมดา
๒. สัปปาณสิกขาบท
ความว่า ภิกษุได้รู้เห็นหรือรังเกียจว่าน้ำมีตัวสัตว์เป็น ก็มิได้กรองให้บริสุทธิ์ก่อน ฝ่าฝืนบริโภคบ้วนปากล้างหน้า เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์
๓. อุกโกฏนสิกขาบท
ความว่า ภิกษุรู้ว่าสังฆกรรมมีอธิกรณ์ อันพระสงฆ์ได้ชำระเสร็จแล้วโดยเป็นธรรมและมาเลิกถอนกรรมนั้นเสีย โต้แย้งว่าพระสงฆ์ทำไม่เป็นธรรม เพื่อจะทำใหม่ ต้องอาบัติปาจิตตีย์
๔. ทุฏฐลลปฏิจฉาทสิกขาบท
ความว่า ภิกษุเมื่อรู้อาบัติชั่วหยาบของภิกษุอยู่เต็มใจ คือรู้ว่าภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว ช่วยคิดปิดบัง เอื้อนอำอาบัติของภิกษุนั้นไว้ไม่ให้แพร่งพราย ต้องอาบัติปาจิตตีย์ทุฏฐุลลาบัติในสิกขาบทนี้ เฉพาะแต่สังฆาทิเสสอย่างเดียว
๕. อนวีสติสิกขาบท
ความว่า ภิกษุเมื่อรู้ว่ากุลบุตรมีอายุยังไม่ครบ ๒๐ ปี ทั้งนับในครรภ์และให้อุปสมบท ยกเป็นภิกษุขึ้นด้วย ญัตติจตุตถกรรม วาจา พระอุปัชฌาย์ต้องอาบัติปาจิตตีย์ พระอาจารย์ผู้สวดกรรมวาจา ทั้งคณะสงฆ์ต้องอาบัติทุกกฏทุกรูปด้วยกัน ผู้อุปสมบทนั้นก็หาเป็นภิกษุไม่ เป็นแต่เพียงสามเณรเท่านั้น
๖. เถยยสัตถสิกขาบท
ความว่า ภิกษุได้รู้ได้เห็นว่าพวกหมู่โจรที่คอยปล้นตีชิง หรือหมู่พ่อค้าจะบังของต้องห้ามข้ามด่านข้าม ขนอน รู้ว่าเป็นคนร้ายอยู่เต็มใจและได้ชักชวนพวกโจรหรือพ่อค้านั้นเป็นเพื่อนเดินทางไกลไปด้วยกัน พอล่วงระยะบ้านหนึ่งเป็นที่สุด ต้องอาบัติปาจิตตีย์
๗. มาตุคามสังวิธานสิกขาบท
ความว่า ภิกษุชักชวนมาตุคามหรือหญิงมนุษย์เป็นเพื่อนเดินทางไกลไปด้วยกัน พอล่วงระยะบ้านหนึ่งเป็นที่สุด ต้องอาบัติปาจิตตีย์
๘. อริฏฐสิกขาบท
ความว่า ภิกษุเกิดทิฏฐิผิดคิดเห็น วิปลาส พึงติเตียนพระพุทธศาสนา “ธรรมวินัยเหล่าใดที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าเป็นธรรม ทำอันตรายแก่ผู้ที่ต้องเสพ โดยที่จริงธรรมวินัยเหล่านั้นไม่ทำอันตรายแก่ใครได้ หาเป็นจริงดังพระองค์ตรัสไว้ไม่” เมื่อเธอมีทิฏฐิผิดกล่าวตู่พระพุทธเจ้าดังนี้ ภิกษุทั้งหลายพึงทักท้วงว่ากล่าวสั่งสอน จะให้ละความที่ถือผิดนั้นเสีย ยังกล่าวแข็งขึ้นดื้อดึงอยู่อย่างนั้น ภิกษุทั้งหลายพึ่งพาไปยังท่ามกลางสงฆ์ แล้วสวดสมนุภาสน์ประกาศโทษจนจบกรรมวาจาที่ ๓ ลง ถ้าเธอยังไม่ละความถือผิดนั้นเสียได้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์
๙. อุกจิตตสัมโภคสิกขาบท
ความว่า ภิกษุได้รู้เห็นว่าภิกษุอันกล่าวติเตียนพระพุทธเจ้า พระสงฆ์ได้สวดสมนุภาสน์ ประกาศโทษแล้ว ยังหาละทิฏฐิผิดเสียไม่ก็สมโภคคบหาร่วมกินร่วมอาวาสอยู่หลับนอนด้วยกัน ภิกษุผู้คบนั้นต้องอาบัติปาจิตตีย์
๑๐. นาสิตสิกขาบท
ความว่า สมณเทศ คือสามเณรอันจวนจะได้อุปสมบท หากกล่าวติเตียนพระพุทธวจนะ ดังที่ภิกษุกล่าวแล้วในสิกขาบทที่ ๘ นั้น ภิกษุทั้งหลายว่ากล่าวสั่งสอนแล้ว ก็ยังหาละทิฏฐินั้นเสียไม่ จึงให้ฉิบหายเสียจากเพศสมณะขับไล่ไปเสียแล้ว ภิกษุรูปใด เมื่อรู้แล้วก็ยังชักโขงเล้าโลมสมณเทศนั้นมาไว้ให้ปฏิบัติอยู่กินหลับนอนในสำนักตน ภิกษุนั้นต้องอาบัติปาจิตตีย์
จบสัปปาณวรรค ๑๐ สิกขาบท เท่านี้

- พระวินัยปิฎก เล่ม ๑
- กองที่ ๑ อาบัติปาราชิก ๔
- ปาฏิโมกขศีล
- สมณวิสัย
- กองที่ ๒ อาบัติสังฆาทิเสส ๑๓
- กองที่ ๓ อนิยต ๒
- กองที่ ๔ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ วรรค ๑ จีวรวรรค
- กองที่ ๔ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ วรรค ๒ โกสิยวรรค
- กองที่ ๔ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ วรรค ๓ ปัตตวรรค
- กองที่ ๕ ปาจิตตีย์ วรรค ๑ มุสาวรรค
- กองที่ ๕ ปาจิตตีย์ วรรค ๒ ภูตคามวรรค
- กองที่ ๕ ปาจิตตีย์ วรรค ๓ ภิกขุโนวาทวรรค
- กองที่ ๕ ปาจิตตีย์ วรรค ๔ โภชนวรรค
- กองที่ ๕ ปาจิตตีย์ วรรค ๕ อเจลกวรรค
- กองที่ ๕ ปาจิตตีย์ วรรค ๖ สุราปานวรรค
- กองที่ ๕ ปาจิตตีย์ วรรค ๘ สหธัมมิกวรรค
- กองที่ ๕ ปาจิตตีย์ วรรค ๙ ราชวรรค
- กองที่ ๖ ปาฎิเทสนียะ ๔
- กองที่ ๗ เสขิยวัตร หมวด ๑ สารูป ๒๖
- กองที่ ๗ เสขิยวัตร หมวด ๒ โภชนปฏิสังยุตต์ ๓๐
- กองที่ ๗ เสขิยวัตร หมวด ๓ ธัมมเทสนาปฏิสังยุตต์ ๑๖
- กองที่ ๗ เสขิยวัตร หมวด ๔ ปกิณกะ ๓
- อธิกรณสมถะ ๗

