ดินแดนเป็นที่เกิดขึ้นของพระพุทธศาสนา หรือดินแดนที่เรียกว่าประเทศอินเดียในสมัยก่อน เรียกว่า ชมพูทวีปในปัจจุบันเป็นที่ตั้งของประเทศอินเดีย เนปาล ปากีสถาน บังคลาเทศและภูฏาน ตั้งอยู่ทางทิศพายัพ (ตะวันตกเฉียงเหนือ) ของประเทศไทย
ชนชาติที่อาศัยอยู่ในชมพูทวีปมี ๒ พวก
๑. พวกมิลักขะ เจ้าถิ่นเดิมที่อาศัยอยู่ก่อน
๒. พวกอริยกะ พวกที่อพยพมาใหม่โดยอพยพมาทางด้านภูเขาหิมาลัยรุกไล่เจ้าถิ่นเดิมถอยร่นไปอยู่รอบนอก
ชมพูทวีป แบ่งเป็น ๒ เขต
การปกครองในสมัยก่อนแบ่งออกเป็น ๒ เขต บางครั้งเรียกเป็นจังหวัด คือ
๑. มัชฌิมชนบทหรือมัธยมประเทศ คือ ประเทศภาคกลางเป็นที่อาศัยอยู่ของพวกอริยกะ
๒. ปัจจันตชนบทหรือปัจจันตประเทศ คือ ประเทศปลายแดนเป็นที่อาศัยอยู่ของพวกมิลักขะ
แคว้นใหญ่ มี ๑๖ แคว้น
อังคะ มคธะ กาสี โกสละ วัชชี มัลละ เจดี วังสะ กุรุ ปัญจาละ มัจฉะ สุรเสนะ อัสสกะ อวันตี คันธาระ กัมโพชะ และที่ปรากฏในคัมภีร์อื่นอีกมี ๕ แคว้น คือ สักกะ โกลิยะ ภัคคะ วิเทหะ และอังคุตตราปะ แคว้นเหล่านี้ บางแคว้นปกครองโดยกษัตริย์มีอำนาจสิทธิ์ขาด บางแคว้นปกครองโดยสามัคคีธรรม
วรรณะ ๔
คนอินเดียแบ่งเป็นชั้นวรรณะด้วยชาติกำเนิดตามหลักศาสนาพราหมณ์ มี ๔ วรรณะ คือ
๑. กษัตริย์ นักปกครอง นักรบ ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องยุทธวิธี
๒. พราหมณ์ สั่งสอน ทำพิธีกรรมทางศาสนา ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องพิธีกรรมต่างๆ
๓. แพศย์ ทำนา ค้าขาย เลี้ยงสัตว์ ช่างฝีมือ และหัตถกรรมศึกษาเกี่ยวกับเรื่องทำนาค้าขาย เป็นต้น
๔. ศูทร พวกกรรมกรใช้แรงงาน ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องการใช้แรงงาน
แต่ละวรรณะจะไม่แต่งงานข้ามวรรณะกัน ถ้าแต่งงานข้ามวรรณะลูกที่คลอดออกมากลายเป็นอีกชนชั้นหนึ่ง เรียกว่า จัณฑาลเป็นที่ดูถูกเหยียดหยามของคนทั่วไป
ความเห็นที่แตกต่าง
ประชาชนในสมัยก่อนสนใจศึกษาธรรมะกันมาก มีความเห็นเกี่ยวกับการเกิด การตาย ความสุข และความทุกข์ของมนุษย์แตกต่างกันไป จึงมีเจ้าลัทธิและนักคิดต่างๆ เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากเพื่อสั่งสอนเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ เมื่อสรุปมี ๒ อย่าง คือ
๑. เห็นว่าตายแล้วเกิด
๒. เห็นว่าตายแล้วสูญ
ใครมีความคิดเห็นและมีความเชื่ออย่างไร ก็ปฏิบัติไปตามความคิดเห็นและความเชื่ออย่างนั้น
ศาสนาพื้นเมือง
ลัทธิหรือศาสนาพื้นเมือง คือ ศาสนาพราหมณ์ มีคัมภีร์ไตรเพทอันประกอบด้วย ฤคเวท ยชุรเวท และสามเวท เป็นคำสอนหลัก ถือว่าโลกธาตุทั้งปวงเป็นของเทวดา มีเทวดาประจำอยู่ในธาตุต่างๆ เช่น ดิน น้ำ ลม ไฟ ใครปรารถนาผลอันใดก็เซ่นสรวงอ้อนวอน หรือด้วยการประพฤติตบะ ทรมานร่างกายด้วยวิธีต่างๆ