เสขิยวัตร ๗๕
เสขิยวัตร ๗๕ สิกขาบท กำหนดนับ ๑๐ สิกขาบทเป็นวรรคหนึ่ง ๆ ได้ ๗ วรรค อีก ๕ สิกขาบทนั้นจัดเป็น ๑ รวมเป็น ๘ วรรค(สารูป ๒๖) การกระทำให้สมควรแก่สมณะ
(โภชนปฎิสังยุตต์ ๓๐) วิธีที่จะขบฉัน
(ธัมมเทสนาปฎิสังยุตต์ ๑๖) การแสดงธรรม
(ปกิณกะ ๓) คือที่เรี่ยรายอยู่นำมายกขึ้นสู่อุเทศ
โภชนปฏิสังยุตต์มี ๓๐ สิกขาบท
ในโภชนปฏิสังยุตต์ ให้ภิกษุพึงสำเหนียกไว้ ดังนี้
สิกขาบทที่ ๑.
ว่าเราจักทำสติเคารพรับบิณฑบาตให้เรียบร้อย มิได้ทำอาการไม่รู้ไม่เห็น เหมือนจะสาดเทเสีย
ว่าเราจักทำสติเคารพรับบิณฑบาตให้เรียบร้อย มิได้ทำอาการไม่รู้ไม่เห็น เหมือนจะสาดเทเสีย
สิกขาบทที่ ๒.
ว่าเราจักหมายใจทอดนัยน์ตาลงในบาตร ไม่เหม่อเมินสายตาไปอื่นรับบิณฑบาต
ว่าเราจักหมายใจทอดนัยน์ตาลงในบาตร ไม่เหม่อเมินสายตาไปอื่นรับบิณฑบาต
สิกขาบทที่ ๓.
ว่าเราจักรับบิณฑบาตมี🔎สูปะ(๗๖) เสมอ คือ จะรับถั่วเขียว ถั่วขาว ผัก ที่แค่นควรจะนำไปด้วยมือได้ พอให้เท่ากับส่วนเสี้ยวที่ ๔ แห่งข้าวสุกไม่ให้เกินประมาณ แต่จะรับกับแกงปลาเนื้อสิ่งอื่น ๆ ไม่ต้องห้าม
ว่าเราจักรับบิณฑบาตมี🔎สูปะ(๗๖) เสมอ คือ จะรับถั่วเขียว ถั่วขาว ผัก ที่แค่นควรจะนำไปด้วยมือได้ พอให้เท่ากับส่วนเสี้ยวที่ ๔ แห่งข้าวสุกไม่ให้เกินประมาณ แต่จะรับกับแกงปลาเนื้อสิ่งอื่น ๆ ไม่ต้องห้าม
สิกขาบทที่ ๔.
ว่าเราจักรับบิณฑบาต พอเสมอขอบบาตรข้างใน ไม่ให้ล้นพูนปากบาตรขึ้นไป
ว่าเราจักรับบิณฑบาต พอเสมอขอบบาตรข้างใน ไม่ให้ล้นพูนปากบาตรขึ้นไป
สิกขาบทที่ ๕.
ว่าเราจักฉันบิณฑบาตทำสติเคารพ ไม่ทำอาการดังกินเล่นเช่นเด็กกิน
ว่าเราจักฉันบิณฑบาตทำสติเคารพ ไม่ทำอาการดังกินเล่นเช่นเด็กกิน
สิกขาบทที่ ๖.
ว่าเราจักหมายมุ่งลงในบาตร ฉันบิณฑบาตไม่เมินหน้าสายตาดูอื่น ๆ
ว่าเราจักหมายมุ่งลงในบาตร ฉันบิณฑบาตไม่เมินหน้าสายตาดูอื่น ๆ
สิกขาบทที่ ๗.
ว่าเราจักฉันบิณฑบาตเกลี่ยเสมอหน้า เปิบพอคำ ไม่ขุดเจาะให้เป็นหลุมเป็นร่องรอยลง
ว่าเราจักฉันบิณฑบาตเกลี่ยเสมอหน้า เปิบพอคำ ไม่ขุดเจาะให้เป็นหลุมเป็นร่องรอยลง
สิกขาบทที่ ๘.
ว่าเราจักฉันบิณฑบาต มีสูปะเครื่องคั่วผัดแล้วด้วยถั่ว พอเสมอเลี้ยวที่ ๔ แห่งข้าวสุกดังกล่าวมาแล้ว
ว่าเราจักฉันบิณฑบาต มีสูปะเครื่องคั่วผัดแล้วด้วยถั่ว พอเสมอเลี้ยวที่ ๔ แห่งข้าวสุกดังกล่าวมาแล้ว
สิกขาบทที่ ๙.
ว่าเราจักฉันบิณฑบาต ไม่ฟั้นฟอนแต่จอมกลาง กวาดมูนเข้ามาฟอนฉันแต่ตรงกลางแห่งเดียว
สิกขาบทที่ ๑๐.
ว่าเราจักมิได้กลบกับแกล้ม เครื่องคั่ว ผัด พล่า ยำ ปิ้ง จี่ทั้งปวงไว้ด้วยข้าวสุก เพราะหมายใจจะให้ทายกเอากับแกล้มอื่นมาเพิ่มเติมให้มากขึ้นด้วยโลภอาหาร
ว่าเราจักฉันบิณฑบาต ไม่ฟั้นฟอนแต่จอมกลาง กวาดมูนเข้ามาฟอนฉันแต่ตรงกลางแห่งเดียว
สิกขาบทที่ ๑๐.
ว่าเราจักมิได้กลบกับแกล้ม เครื่องคั่ว ผัด พล่า ยำ ปิ้ง จี่ทั้งปวงไว้ด้วยข้าวสุก เพราะหมายใจจะให้ทายกเอากับแกล้มอื่นมาเพิ่มเติมให้มากขึ้นด้วยโลภอาหาร
สิกขาบทที่ ๑๑.
ว่าเราไม่ได้เจ็บไข้ จักไม่ขอต้มแกงแลข้าวสุกแก่คนนอกจากญาติแลผู้ปวารณา เพื่อจะฉันเองแล้วจึงฉัน
ว่าเราไม่ได้เจ็บไข้ จักไม่ขอต้มแกงแลข้าวสุกแก่คนนอกจากญาติแลผู้ปวารณา เพื่อจะฉันเองแล้วจึงฉัน
สิกขาบทที่ ๑๒.
ว่าเราจักไม่หมายใจจะยกโทษ แลดูบาตรของภิกษุอื่น เพราะจะเพ่งเล็งโทษเป็นประมาณ
ว่าเราจักไม่หมายใจจะยกโทษ แลดูบาตรของภิกษุอื่น เพราะจะเพ่งเล็งโทษเป็นประมาณ
สิกขาบทที่ ๑๓.
ว่าเราจักไม่ทำคำข้าวให้ใหญ่นัก คือทำคำข้าวให้ย่อมกว่าไข่นกยูงลงมา ให้เขื่องกว่าไข่ไก่ขึ้นไป
ว่าเราจักไม่ทำคำข้าวให้ใหญ่นัก คือทำคำข้าวให้ย่อมกว่าไข่นกยูงลงมา ให้เขื่องกว่าไข่ไก่ขึ้นไป
สิกขาบทที่ ๑๔.
ว่าเราจักทำคำข้าวให้เป็นปริมณฑล คือทำให้กลมในซองมือ ไม่ปั้นให้รียาว
ว่าเราจักทำคำข้าวให้เป็นปริมณฑล คือทำให้กลมในซองมือ ไม่ปั้นให้รียาว
สิกขาบทที่ ๑๕.
ว่าเราจักไม่อ้าปากไว้คอยทำคำข้าว เมื่อเปิบคำข้าวยังไม่ถึงปาก
ว่าเราจักไม่อ้าปากไว้คอยทำคำข้าว เมื่อเปิบคำข้าวยังไม่ถึงปาก
สิกขาบทที่ ๑๖.
ว่าเราจักไม่เปิบคำข้าว ป้อนนิ้วมือเข้าไปในปาก
ว่าเราจักไม่เปิบคำข้าว ป้อนนิ้วมือเข้าไปในปาก
สิกขาบทที่ ๑๗.
ว่าเราจักไม่พูดทั้งคำข้าว คือไม่อมคำข้าวเคี้ยวพลางพูดพลาง
ว่าเราจักไม่พูดทั้งคำข้าว คือไม่อมคำข้าวเคี้ยวพลางพูดพลาง
สิกขาบทที่ ๑๘.
ว่าเราจักไม่เปิบคำข้าว โยน ซัดทิ้งให้เข้าไปในปาก
ว่าเราจักไม่เปิบคำข้าว โยน ซัดทิ้งให้เข้าไปในปาก
สิกขาบทที่ ๑๙.
ว่าเราจักไม่กัดคำข้าว แบ่งฉันแต่พอปาก กับแกล้มสิ่งอื่นไม่ต้องห้าม
ว่าเราจักไม่กัดคำข้าว แบ่งฉันแต่พอปาก กับแกล้มสิ่งอื่นไม่ต้องห้าม
สิกขาบทที่ ๒๐.
ว่าเราจักไม่ไพล่คำข้าวไว้ในแก้มให้พองตุ่ยดังลิงอมข้าวกิน
สิกขาบทที่ ๒๑.
ว่าเราจักไม่เปิบคำข้าว ฉันพลางสะบัดมือพลางให้เมล็ดข้าวสุกกระเด็นไป
ว่าเราจักไม่เปิบคำข้าว ฉันพลางสะบัดมือพลางให้เมล็ดข้าวสุกกระเด็นไป
สิกขาบทที่ ๒๒.
ว่าเราจักไม่เปิบคำข้าว ฉันเรี่ยรายเมล็ดข้าวให้ร่วงพรูสาง
ว่าเราจักไม่เปิบคำข้าว ฉันเรี่ยรายเมล็ดข้าวให้ร่วงพรูสาง
สิกขาบทที่ ๒๓.
ว่าเราจักไม่แลบลิ้นรับคำข้าว
ว่าเราจักไม่แลบลิ้นรับคำข้าว
สิกขาบทที่ ๒๔.
ว่าเราจักไม่ฉันให้เสียงดังจับ ๆ
ว่าเราจักไม่ฉันให้เสียงดังจับ ๆ
สิกขาบทที่ ๒๕.
ว่าเราจักไม่ฉันดูดเข้าสูดลมให้เสียงดังซูด ๆ
ว่าเราจักไม่ฉันดูดเข้าสูดลมให้เสียงดังซูด ๆ
สิกขาบทที่ ๒๖.
ว่าเราจักไม่ฉันเลียมือ
ว่าเราจักไม่ฉันเลียมือ
สิกขาบทที่ ๒๗.
ว่าเราจักเปิบคำข้าวฉัน ไม่ขอดบาตรด้วยมือ แต่เมื่อจวนหมดจักกวาดรวมเข้า ไม่ต้องห้าม ข้าวต้ม ข้าวเปียกอันติดบาตรนั้น ขอด ไม่มีโทษ
ว่าเราจักเปิบคำข้าวฉัน ไม่ขอดบาตรด้วยมือ แต่เมื่อจวนหมดจักกวาดรวมเข้า ไม่ต้องห้าม ข้าวต้ม ข้าวเปียกอันติดบาตรนั้น ขอด ไม่มีโทษ
สิกขาบทที่ ๒๘.
ว่าเราจักฉันไม่แลบลิ้นเลียริมฝีปาก
ว่าเราจักฉันไม่แลบลิ้นเลียริมฝีปาก
สิกขาบทที่ ๒๙.
ว่าเราจักไม่จับโอนฉันด้วยมืออันแปดเปื้อนอามิส
ว่าเราจักไม่จับโอนฉันด้วยมืออันแปดเปื้อนอามิส
สิกขาบทที่ ๓๐.
ว่าเราจักไม่สาดเทน้ำล้างบาตร ทั้งเมล็ดข้าวลงในถิ่นบ้าน
ว่าเราจักไม่สาดเทน้ำล้างบาตร ทั้งเมล็ดข้าวลงในถิ่นบ้าน
ให้ภิกษุพึงทำความศึกษาในวิธีอันประกอบด้วยการขบฉัน อย่าให้ล่วงพระพุทธบัญญัติในโภชนปฏิสังยุตต์ ๓๐ สิกขาบทนี้
ถ้าผิดจากนี้เป็นอาบัติทุกกฏ
จบโภชนปฏิสังยุตต์ ๓๐ สิกขาบท เท่านี้
🔅 ปาราชิก ๔
🔅 สังฆาทิเสส ๑๓
🔅 อนิยต ๒
🔅 นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ๓๐
(จีวรวรรค ๑๐)
(โกสิยวรรค ๑๐)
(ปัตตวรรค ๑๐)
🔅 ปาจิตตีย์ ๙๒
(มุสาวรรค ๑๐)
(ภูตคามวรรค ๑๐)
(ภิกขุโนวาทวรรค ๑๐)
(โภชนวรรค ๑๐)
(อเจลกวรรค ๑๐)
(สุราปานวรรค ๑๐)
(สัปปาณวรรค ๑๐)
(สหธัมมิกวรรค ๑๒)
(ราชวรรค ๑๐)
🔅 ปาฎิเทสนียะ ๔
🔅 เสขิยวัตร ๗๕
(สารูป ๒๖)
(โภชนปฎิสังยุตต์ ๓๐)
(ธัมมเทสนาปฎิสังยุตต์ ๑๖)
(ปกิณกะ ๓)
🔅 อธิกรณสมถะ ๗
จบโภชนปฏิสังยุตต์ ๓๐ สิกขาบท เท่านี้
🔅 ปาราชิก ๔
🔅 สังฆาทิเสส ๑๓
🔅 อนิยต ๒
🔅 นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ๓๐
(จีวรวรรค ๑๐)
(โกสิยวรรค ๑๐)
(ปัตตวรรค ๑๐)
🔅 ปาจิตตีย์ ๙๒
(มุสาวรรค ๑๐)
(ภูตคามวรรค ๑๐)
(ภิกขุโนวาทวรรค ๑๐)
(โภชนวรรค ๑๐)
(อเจลกวรรค ๑๐)
(สุราปานวรรค ๑๐)
(สัปปาณวรรค ๑๐)
(สหธัมมิกวรรค ๑๒)
(ราชวรรค ๑๐)
🔅 ปาฎิเทสนียะ ๔
🔅 เสขิยวัตร ๗๕
(สารูป ๒๖)
(โภชนปฎิสังยุตต์ ๓๐)
(ธัมมเทสนาปฎิสังยุตต์ ๑๖)
(ปกิณกะ ๓)
🔅 อธิกรณสมถะ ๗